posttoday

เรื่องเล่า เคล้าบทเพลง ปู : พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

05 เมษายน 2558

“...บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง...โอย...”

โดย...เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข [email protected]

“...บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง

ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ

ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง...โอย...”

หลายคนคงเคยคุ้นหูกับบทเพลงรักเดียวของ ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ศิลปินเพื่อชีวิตแถวหน้าของเมืองไทย จะว่าไปแล้ว ปู พงษ์สิทธิ์ ถือเป็นศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นที่สาม  รองลงมาจาก คาราวาน คาราบาว และหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ แต่ในขณะเดียวกัน มีคนตั้งสมญานามเขาว่า “เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต”

ผมโชคดีมาก ได้เข้าร่วมกิจกรรม TK park Music Ed. 2015 : ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มี.ค. 2558 ที่ผ่านมา ในเวลาสองชั่วโมงเต็มที่ ปู พงษ์สิทธิ์ ได้เล่าและร้องเพลงให้ฟัง เป็นช่วงเวลาที่ผมเต็มอิ่มและมีความสุขมาก จึงขอถอดประสบการณ์ครั้งนั้นมาเป็นเรื่องเล่าที่ผมไม่ได้นั่งสัมภาษณ์ แต่ ปู พงษ์สิทธิ์ เล่าให้คนดูที่มาวันนั้นฟังบนเวที

เพลงรักเดียว

ความดังของเพลงนี้วัดได้จากการถูกเปิดทั่วไปจนเป็นเพลงสามัญประจำทุกผับบาร์ แม้กระทั่งนำมาคัฟเวอร์ตามยูทูบ ไปที่ไหนก็ได้ยินเพลงนี้ โดยเฉพาะท่อนฮุกให้ร้องตาม “ผิดเพียง 8 ครั้ง ถึง 9 ซะที่ไหน ร้องเพลงเพลงนี้ มากสระไอ ให้แทนหัวใจ โอยยย” เป็นเพลงที่พงษ์สิทธิ์แต่งเอาไว้นานแล้ว และอยู่ในอัลบั้มใต้ดวงตะวัน  ซึ่งวางแผงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2543-2544 แต่ในขณะที่ออกอัลบั้มนี้ เพลงนี้กลับเป็นเพลงที่ไม่โด่งดังเลยในตอนนั้น และพงษ์สิทธิ์ไม่เคยนำมาเล่นบนเวทีเลย

เพลงนี้กลับมาเป็นที่นิยมจนดังเป็นพลุแตก ก็เพราะระหว่างที่พงษ์สิทธิ์ไปเล่นคอนเสิร์ตที่มหาสารคาม มีแฟนเพลงขอเพลงนี้ แต่เขาเองกลับจำไม่ได้ว่าเขามีเพลงชื่อ “รักเดียว” ด้วย  ตอนแรกเขาคิดว่าแฟนเพลงแซวแกล้งขอเพลงของศิลปินท่านอื่น  ตอนหลังจึงกลับมาหัดเล่นหัดร้องเพลงนี้ และทำการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต จนกลายเป็นเพลงฮิตและโด่งดังในที่สุด

ความใฝ่ฝันในเส้นทางดนตรี

นักดนตรีมักใฝ่ฝันได้ออกอัลบั้มเป็นศิลปินเต็มตัวที่ได้รับการยอมรับ แต่ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ บอกว่า  ความใฝ่ฝันสูงสุดของเขาสมัยเป็นนักดนตรีใหม่ๆ คือการได้เล่นดนตรีในห้องอาหารโรงแรม  และจังหวะชีวิตตอนนี้เองเขาได้รู้จักนักดนตรีหลายท่านที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ในการชักนำเขาเข้าสู่การออกอัลบั้มเป็นศิลปินเต็มตัวจากดนตรีในห้องอาหารโรงแรม

เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต

พงษ์สิทธิ์ บอกว่า ได้รับรู้ถึงการตั้งฉายาของเขาในทำนองแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าใครเริ่มเรียกเขาเป็นคนแรก  เพราะเขาไม่ได้เรียกตัวเอง แต่มีคนเรียกเขาแบบนี้และแบกมันไว้ให้ เขาเลยไม่รู้ว่าจะวางมันลงได้ยังไง (กล่าวยิ้มๆ)

พงษ์สิทธิ์มีเพลงรักจำนวนมากและมีคำถามว่าเขาเอาเรื่องราวจากไหนมาแต่งเพลง  พงษ์สิทธิ์บอกอย่างตรงไปตรงมาว่า เพลงรักในช่วงแรกเขาแต่งให้กับคนรักของเขา แต่เพลงในช่วงหลังๆ เป็นการนำชีวิตและเรื่องราวของคนอื่นที่ได้ไปอ่าน ไปพบ ไปเจอ มาเขียนเป็นบทเพลง

ผมอาจทำพี่เดือดร้อน

พงษ์สิทธิ์รับงานแสดงเกือบทุกงานที่มีคนติดต่อจ้างเข้ามา เขาแทบไม่เลือกว่าเป็นงานที่ไหน ครั้งหนึ่งพงษ์สิทธิ์เคยบอกกับ เป้ อารักษ์ (ศิลปินรุ่นน้อง) ว่า ใครมาจ้างก็รับๆ ไปเถอะ มันเป็นอาชีพของเรา  ดังนั้น เขาไปเล่นดนตรีมาแล้วเกือบทุกอำเภอในประเทศไทย  แม้กระทั่งเล่นดนตรีต่อหน้าคนดูน้อยที่สุดประมาณ 10 คน ในงานวันเกิดส่วนตัวที่เขาถูกว่าจ้างไปก็เคยเล่นมาแล้วแต่แน่นอนว่าเมื่อพูดถึง ปู พงษ์สิทธิ์ คนมักนึกถึงภาพคอนเสิร์ตที่มีเด็กวัยรุ่น เด็กอาชีวะ พร้อมจะไล่ตีกันในงาน กลายเป็นภาพจำว่าคอนเสิร์ตของเขาอาจมีความรุนแรง จนเขาเคยถูกขอร้องจากตำรวจภูธรแห่งหนึ่งให้งดจัดคอนเสิร์ตในพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทพงษ์สิทธิ์จึงมักบอกอย่างติดตลกกับคนที่โทรมาว่าจ้างเขาไปเล่นคอนเสิร์ตเสมอว่า ผมจะทำพี่เดือดร้อนนะ เพราะอาจมีคนตีกัน (พูดแล้วเขาก็หัวเราะ)

วางอนาคตยังไง

ปู พงษ์สิทธิ์ บอกว่า มีคนถามเขาหลายครั้งทำนองนี้ว่า วางอนาคตไว้อย่างไรต่อไป เขาบอกว่าส่วนใหญ่ศิลปินมักกลับไปทำนา ทำไร่ ทำสวน ในบั้นปลายชีวิต แต่เขาคงสู้แดดไม่ไหว (หัวเราะไปด้วย)  เขาวางอนาคตตัวเองทุกๆ 5 ปี ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่เขาวางไว้คือการร้องเพลงเล่นดนตรี เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้วนอกจากการเล่นดนตรี ทุกวันนี้ในตารางคิวงานจะเต็มแทบตลอดทั้งเดือน หากเดือนไหนที่มีวันว่างเขาจะถามผู้จัดการวงว่า ทำไมถึงว่าง และให้ไปหางานมาเล่นในวันนั้น เขาไม่อยากหยุด เพราะถ้าอยากหยุดพักเขาจะบอกเองว่าอยากพัก แต่ไม่ใช่ตอนนี้

ยังคอย

“ยังคอย” เป็นเพลงรักแนวอกหัก พูดถึงคนรักที่ตีจากไป เวลาพงษ์สิทธิ์เล่นเพลงนี้ เขามักเล่าถึงนิทานของคู่รักค้างคาว ที่วันหนึ่งค้างคาวตัวเมียหนีจากไปกับคนรักใหม่ ค้างคาวตัวผู้จึงบินข้ามภูเขาไปจนเห็นแสงตะวันของเช้าวันใหม่และตายลงเพราะแสงแดด ท่อนหนึ่งของเพลงจึงร้องว่า “และพอฉันตายให้แวะดูบ้าง  คิดถึงวิธีที่เธอกระทำ ฉันจะบินไปสู่หุบเขาห่างไกล เพราะฉันไม่อาจเห็นเธอไปเป็นคนรักของคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน”

หนุ่มน้อย

“แค่สีเสื้อไม่เหมือน คำสอนแต่ปางไหน นั่นสีใคร นี่สีมึง โน้นสีกู” บางท่อนจากเพลง “หนุ่มน้อย” อันโด่งดังของพงษ์สิทธิ์ วันที่ผมไปฟังเขามีคนตะโกนขอเพลงนี้หลายครั้ง แต่เขาไม่เล่น อาจเพราะไม่เหมาะกับบรรยากาศและคนฟัง เขาพูดแซวๆ ว่า ถ้าร้องเพลงนี้ในคอนเสิร์ตก็คงได้เริ่มตีกันจนได้ ตอนจบงานวันนั้นผู้จัดพูดบนเวทีว่า ที่นี่จะเชิญนักดนตรีและศิลปินมาร่วมกิจกรรมตลอด นี่เป็นครั้งแรกของ TK Park ที่มีการตรวจค้นอาวุธคนเข้าร่วมงาน (จากนั้นคนทั้งห้องประชุมก็หัวเราะปรบมือชอบใจ)

ผมอยู่ในห้องประชุมประมาณสองชั่วโมงเต็มด้วยความอิ่มเอม ได้ทั้งบทเพลงที่ขับกล่อมและทัศนะจากศิลปินที่ชื่นชอบ จำได้ว่าตอนสมัยวัยรุ่น พวกเราร้องเพลงพงษ์สิทธิ์จนติดปาก บางท่อนมันติดปากมาจนถึงทุกวันนี้ในบางอารมณ์

“บางคราวก็อยากจะฝันบางทีก็อยากจะรู้ ใครมีความหมายในใจของเธอ...”