บางความคิด
แม้หลายคนพยายามใช้คำว่า “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา” นำพาปฏิบัติตน แต่เมื่อเกิด เหตุการณ์
โดย...นายใจดี
แม้หลายคนพยายามใช้คำว่า “เอาใจเขา มาใส่ใจเรา” นำพาปฏิบัติตน แต่เมื่อเกิด เหตุการณ์ทำ ให้โมโหเดือดร้อนขึ้นมา เชื่อว่าหลายคนก็ลืมนึกถึงคำนี้ ในวินาทีนั้นมีแต่ “ตัวกู ของกู” อารมณ์พุ่งเดือดดาล คิด เห็น เชื่อ ตามที่ตัวเองพอใจ ไม่ให้โอกาสแล้วว่าอีกฝ่ายจะคิดเยี่ยงไร
แม้เราจะรักษาอาณาเขตตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม หากแต่พื้นที่ส่วนกลางก็ใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมคอนโดอีกหลายร้อย การเกิดการกระทบกระทั่งทำให้ขัดเคืองใจอีกฝ่ายย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ดังนั้นเมื่อเราฉีกกฎเอาใจเขา มาใส่ใจเรา ยึดมั่นถือมั่นในตัวเองเรื่องขี้ผงก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เท่าภูเขาได้
ผู้ชายคนหนึ่งต้องทนกับเศษฝุ่นละอองที่ร่วงลงมาจากห้องข้างบน แรกๆ เขามองว่าเป็นเรื่องขี้ผง เพราะเขาเองก็เคยไม่ตั้งใจทำเสียงดังให้ไปกระทบกับห้องข้างล่าง เพราะมืออ่อน (แรง) ชอบทำของร่วงบ่อยๆ แต่พอห้องข้างบนเริ่มรดน้ำต้นไม้ลงมาเปียกเสื้อผ้าของเขาที่ตากอยู่ระเบียง เขาก็เริ่มออกอาการหงุดหงิดมากขึ้นๆ
เรื่องห้องข้างบนมักมีปัญหากับห้องข้างล่าง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากเราจะย้ายห้องไปอยู่เหนือห้องข้างบน แต่แน่ใจได้อย่างไรว่า ห้องข้างบนกว่าจะไม่มีเรื่องให้เราขุ่นเคืองใจอีก นอกเสียจากว่าย้ายไปบนสุดนั่นเลย เราก็จะสามารถ “หนีปัญหา” ได้ แต่แน่ใจหรือว่าเราจะไม่ใช่ “ผู้สร้างปัญหา” แต่แหม เรื่องย้ายห้องถ้าเช่าเขาก็คงไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่ถ้าห้องเราซื้อล่ะ ทำใจจะง่ายกว่าไหม...
เมื่อความอดทนมาถึงสุดทาง ชายห้องข้างล่างก็เริ่มบ่น เริ่มด่าฝากฟ้าฝน อารมณ์เสียได้ง้ายง่ายเมื่อห้องข้างบนยังหมั่นเผื่อแผ่น้ำ ฝุ่น เสียง ลงมาอย่างสม่ำเสมอ เขาเริ่มไม่มีความสุขในการอยู่ห้อง ถึงที่สุดเขาตัดสินใจเขียนจดหมายน้อยไปสอดใต้ประตูห้องข้างบน เล่าถึงความทุกข์ร้อนที่เขาได้รับ แม้จะอยากด่าหยาบคาย แต่ในจดหมายก็เขียนอย่างสุภาพชน
ลงท้ายว่า จาก “ห้องข้างล่างที่ได้รับความเดือดร้อนจากห้องข้างบน (ของคุณ) ครับ”
เมื่อเขาได้ระบายอารมณ์ออกไป เขาก็เริ่มรู้สึกดีบ้าง ประมาณว่าอะไรที่มันคับอกต้องยกออกบ้างสินะและสองสามวันถัดมาเขาก็อารมณ์ดียิ่งขึ้น เพราะไม่ค่อยได้รับน้ำเสียง ฝุ่น อีก เขายิ้มดีใจ
ก๊อกๆๆ ชายห้องข้างล่างแปลกใจนิดๆ เพราะตั้งแต่อยู่คอนโดมา 2 ปี ไม่เคยมีใครมาเคาะห้อง เมื่อเขาเปิดประตูก็เจอผู้ชายอายุราว 25 ยืนอยู่ พร้อมแนะนำตัว “ผมคนอยู่ห้องข้างบนครับ”
แวบแรก “ได้เรื่องแน่” ชายห้องข้างล่างคิด
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้เดือดร้อน ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้ำมาโดนห้องข้างล่าง บลาๆๆๆๆ”
พร้อมคำขอโทษอีกหลายครั้งจากชายห้องข้างบน
เมื่อรับคำขอโทษ ให้อภัย ผูกมิตรกันเรียบร้อยแล้ว ชายห้องข้างล่างก็เดินมายืนที่ระเบียง แหงนหน้าขึ้นไปยังห้องข้างบน เห็นขากางเกงแกว่งตามแรงลม
เขาอารมณ์ดี รู้สึกมีความสุข เขายิ้มดีใจที่ตัดสินใจเลือกหาทางแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกัน แทนที่จะก่นด่าอยู่ฝ่ายเดียวเพราะเรื่องบางเรื่อง การกล่าวโทษคนอื่น โดยที่ไม่ได้ฟังความจากเขา ก็ไม่ต่างจากการสุมไฟให้ตัวเอง และบางทีเมื่อปัญหาเกิด ใช่ว่าจะต้องมีเรื่องพิพาทกันไปเสียเสมอ แต่มันสามารถจบลงด้วยดี“ได้มิตรภาพ” คืนกลับมาเช่นกัน