วิบัติ...วิปลาส วิปริต... และอาบัติ!! (จบ)
ความวิปลาสขั้นปกติมีอยู่ในปุถุชนโดยทั่วไป แต่หากวิปลาสเข้าขั้นวิปริต คือเอาคำว่า วิปริต มาขยายตัว
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
ความวิปลาสขั้นปกติมีอยู่ในปุถุชนโดยทั่วไป แต่หากวิปลาสเข้าขั้นวิปริต คือเอาคำว่า วิปริต มาขยายตัว วิปลาส เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความรู้-ความคิด-ความเห็น ในวิปลาสขั้นวิปริตนี้หนักหนานัก ที่เราชอบกล่าวกันว่า ไอ้พวกวิปริตขวางโลก ที่ยากจะอยู่ในกรอบกติกาวัฒนธรรมประเพณีของชาวโลกได้ เพราะมันบ้าเกินเขา หรือเรียกว่าผิดเพี้ยนเกินขีดปกติที่เขามีกัน จึงแลดู วิปริต...
สำหรับคำว่า “อาบัติ” นั้น แปลว่า ความผิดที่เป็นบาป ใช้ในพระพุทธศาสนา ดังที่กล่าวว่า ภิกษุต้องอาบัติเข้าแล้ว ค่อยหมั่นแสดงไว้ เป็นบุญกุศลใหญ่ในทางศาสนา เป็นหนทางให้ถึงสวรรค์นิพพานได้เร็วพลัน หากไม่ออกจากอาบัตินั้นด้วยธรรมวิธีที่พุทธานุญาต แช่อยู่ในอาบัติ ไม่เห็นอาบัติ ย่อมเป็นบาป ทำให้ตกนรกลึก
อาบัติทุกกฎ ทุพภาสิต ทำให้ตกถึงสัญชีพนรก มีอายุ ๕๐๐ ปี
นรก นับ ๙ ล้านปีของมนุษย์ เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในสัญชีพนรก หรืออาบัติปาจิตตีย์ ที่พวกพระทุศีลผิดกันมากในสิกขาบทน้อยใหญ่ ทำให้ตกถึงสังฆาฏนรก มีอายุยืน ๒,๐๐๐ ปีนรก นับปีมนุษย์ได้ถึง ๔ โกฏิกับ ๖๐ แสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในสังฆาฏนรก อีกอาบัติหนึ่งที่พระภิกษุผิดกันมากในข้อรับเงินทอง-สั่งสมของมีค่า ประกอบธุรกรรมดุจชาวพุทธ คือ อาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์ ที่จะต้องไปเปลื้องหนี้บาปในโรรุวนรก มีอายุยืน ๔,๐๐๐ ปีนรก นับในปีมนุษย์ได้ ๕๗ โกฏิกับ ๖๐ แสนปี เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในโรรุวนรก...จึงไม่ต้องกล่าวถึงอาบัติมหานิสสัคคีย์...อาบัติอนิยตถุลลัจจัย...อาบัติสังฆาทิเสส และอาบัติปาราชิก...
...พระพุทธศาสนาของเราสรุปคำสอนลงในหลักความเป็นธรรมดา (ธรรมนิยาม) ดังที่แสดงให้เห็นโทษทุกข์ภัยของการมุ่งเข้าไปแสวงหายึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องกับโลกธรรม และให้เห็นการออกจากโทษทุกข์ภัย ด้วยการสละ ละวาง คลายออก ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องผูกพันในโลกธรรม การกระทำใดๆ ที่มุ่งแสวงหาโลกธรรมนี้ จึงไม่ใช่หน้าที่ของพระ...ภาระของโยม แต่หากรู้จักสละละวาง ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้พ้นไป และสิ้นไปซึ่งความผูกพันในโลกธรรม นั่นเป็นหน้าที่ของพระ...ภาระของโยม คำตอบจากปุจฉามีแค่นี้จริงๆ...เอวัง
เจริญพร