posttoday

Love Space

02 กันยายน 2558

เมื่อพูดถึงพื้นที่แห่งความรัก (Love Space) นั้น เป็นคนละเรื่องและคนละพื้นที่กับพื้นที่หัวใจที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตนเองเป็นที่ตั้ง

โดย...ดร.วรัญญา สะอาดเอี่ยม รีเทนนิส ภาพ : ณัฐพล โลวะกิจ

เมื่อพูดถึงพื้นที่แห่งความรัก (Love Space) นั้น เป็นคนละเรื่องและคนละพื้นที่กับพื้นที่หัวใจที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตนเองเป็นที่ตั้ง เพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวนั้นมักมีรากฐานมาจากความรู้สึกที่ขาดความรักและเป็นหัวใจที่ยังไม่รู้จักวิธีที่รักตัวเองอย่างถูกวิธี ที่ยิ่งมีพื้นที่ที่ดียิ่งทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและเผื่อแผ่แสงสว่างแห่งประโยชน์นั้นไปให้กับผู้อื่น

เนื่องจากทุกพื้นที่หัวใจที่เต็มไปด้วยพลังลบๆ ร้ายๆ ของความเห็นแก่ตนเป็นหลักมักเกิดมาจากความไม่พึงพอใจในตนเอง และมักมีสาเหตุมาจากการมีพื้นที่แห่งจิตใจที่เต็มไปด้วยความกลัวหรือความรู้สึกว่าตนเองดีไม่พอและมีไม่พอ จึงต้องเบียดบังและแย่งชิงสิ่งที่ต้องการจากพื้นที่อื่นๆ หรือคนอื่นๆ ซึ่งอาจมีภาพลักษณ์ที่ดูดีตามสังคมภายนอก แต่ความวุ่นวายและเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นในจิตใจเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งสถานะที่ยึดมั่นถือมั่นไว้นั้นไม่สามารถบอกได้ด้วยตาเปล่า

ความแตกต่างของการฝึกหัวใจให้มีพื้นที่หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังรักคือการยอมรับตนเองอย่างที่ตัวเองเป็นจริงๆ และซื่อสัตย์กับตนเองและผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านดีและด้านที่น่าละอาย คือ ทั้งด้านลบและด้านอ่อนแอ ผู้ที่มีหัวใจแห่งการเรียนรู้มักเป็นผู้ที่มีพื้นที่หัวใจแห่งการให้ความรักตนเองได้โดยไม่ต้องแสวงหาการยอมรับจากใครๆ เป็นตัวตั้งค่าแห่งความเบิกบานและการตัดสินใจในการมีชีวิตที่มีความสุข

การมีหัวใจที่กล้าหาญในการเผชิญความจริงต่างๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ได้ดังใจ เรื่องที่เลวร้ายหรือเรื่องดีๆ ที่สามารถเกิดสลับกันไปมาในชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการรับผิดชอบต่อตนเองที่จะมีพื้นที่ที่อนุญาตให้ตนเองมีประสบการณ์ตรงโดยไม่ใช้เงื่อนงำการข้ามผ่านหรือได้บางสิ่งมาโดยง่าย แต่ได้มาด้วยวิธีที่ไม่สะอาดและยุติธรรมกับตนเองและผู้อื่นเท่าใด คือใช้หนทางที่เป็นทางลัดที่นำมาซึ่งความผิดพลาดที่ต้องหาทางแก้ไขอีกในภายหลัง

ตัวอย่างการมีพื้นที่ชีวิตและมีพื้นที่หัวใจที่มีความรักและการยอมรับตนเองในเรื่องรอบๆ ตัว เช่น การใช้การยอมรับจากการมีวัตถุนอกกาย เช่น บ้าน รถ สิ่งของ เครื่องใช้ ในชีวิตประจำวัน โดยปกติผู้เขียนมักใช้เวลาสำรวจตนอยู่เสมอว่าอะไรคือสิ่งสำคัญจริงแท้ในการมีชีวิต? อะไรที่ยืดหยุ่น/มีหรือไม่มีก็ได้ อะไรที่สำคัญและเป็นที่นิยมชื่นชมของสังคมแต่หากได้มีสิ่งนั้นกลับรู้สึกเป็นภาระ

ผู้เขียนโชคดีมากที่ครั้งหนึ่งในอดีตที่ชีวิตเคยส่งบทเรียนการสูญเสียทั้งเงินทองและของนอกกายไปหมดทั้งบ้าน ทำให้ได้เข้าใจชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่งว่าแท้จริงไม่ได้เสียอะไรนอกจากความรู้สึกยึดติดและความไม่ได้ดังใจจริงๆ แล้วชีวิตมอบของขวัญคือมุมมองใหม่และภูมิคุ้มกันลดความยึดความอยากมีของนอกกายให้ได้ตามมุมมองและมาตรามายาและกลไกที่แสดงไว้ตามสถานะทางสังคม

ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ชีวิตบอกใบ้ให้สร้างพื้นที่แห่งความเคารพตนเองและพื้นที่ในการเรียนรู้และส่งสารเรื่องการรักตนเองการมอบคุณค่าความศรัทธาในตนเองให้ได้แท้จริง แม้ไม่มีวัตถุข้างกายผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถให้ประโยชน์หากคนเราสามารถแยกแยะความปรารถนาในตนได้ว่าสิ่งใดเราชอบจริงๆ สิ่งใดมีเพื่อใช้ สิ่งใดถามใจซื้อเพราะอวดโชว์ สิ่งใดมีแล้วยิ่งมีความหมาย สิ่งใดมีแล้วให้ความสะดวกสบาย แต่สิ่งใดยิ่งมีมากมายเท่าไหร่ยิ่งเพิ่มภาระให้

ยิ่งรู้ชัดเจนในความปรารถนาที่ไม่สะเปะสะปะได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งดึงดูดเฉพาะสิ่งสำคัญให้ปรากฏในชีวิตได้ดีขึ้นเท่านั้น สำคัญตรงที่ว่าเรามีความมั่นใจและรู้ถึงคุณค่าในตนเองมากพอไหม หากเราไม่ได้มีไม่ได้ใช้สิ่งของนอกกายที่สังคมให้ค่าราคาเหล่านั้น? หากเรารู้สึกและเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าแท้จริงเรามีศักยภาพในการสร้างและหาสิ่งต่างๆ ที่เราปรารถนาได้

แต่คุณค่าแท้ๆ และความมั่นใจควรมาจากภายในไม่ใช่แขวนคุณค่าของเราไว้กับของนอกกายเท่านั้น เพราะในการปฏิบัติเพื่อผลลัพธ์ที่แท้จริง เมื่อเรารู้สึกถึงคุณค่าในตนเองมากจริงเท่าไหร่ เรายิ่งเข้าถึงศักยภาพในการสร้างสิ่งที่ปรารถนาได้เท่านั้น

ทางที่ดีหากลองสำรวจความกล้าหาญในการสร้างพื้นที่ดีๆ ให้หัวใจตนเองได้พบความสดใสคือความกล้าหาญ และการไม่กลัวที่จะให้ความรักต่อคนรอบข้าง รักด้วยปัญญา ด้วยสติ และรักด้วยความจริงจากหัวใจ เพิ่มพื้นที่ดีๆ ในหัวใจด้วยการเอื้ออาทรต่อคนแปลกหน้า เพราะความรักมีพลังอันยิ่งใหญ่ อย่ากลัวที่จะรักและเข้าใจตัวเองพร้อมไปกับการให้ความรัก ความเมตตาด้วยปัญญาของการรับฟังผู้อื่นด้วยหัวใจ