ดาวมฤตยู VS สุริยุปราคา ความตื่นตาบนฟากฟ้า หรือว่าลางร้าย
เช้าวันนี้มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจที่สุดในรอบปี ก็คือปรากฏการณ์ สุริยุปราคาแบบเต็มดวง
โดย...โยธิน อยู่จงดี
เช้าวันนี้มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจที่สุดในรอบปี ก็คือปรากฏการณ์ สุริยุปราคาแบบเต็มดวง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนักในช่วงชีวิตคนเราที่จะได้พบเห็น และในเดือนนี้ก็มีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าสนใจอีก 2 อย่าง คือ การเคลื่อนผ่านดาวมฤตยูเข้าสู่ราศีเมษ ในวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา และปรากฏการณ์ดาวเรียงสร้อยมุกที่สามารถพบเห็นได้ในช่วงเดือนนี้เช่นกัน
สุริยุปราคาเต็มดวงต้องรออีก 54 ปี?
แม้จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง แต่บ้านเราเห็นได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะไม่ใช่จุดศูนย์กลางของการเกิด (ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเห็นชนิดเต็มดวง) ดร.อุเทน แสวงวิทย์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ให้ความรู้ว่าที่บอกอีก 54 ปี ถึงจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง หมายถึงการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่เห็นได้ในประเทศไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีก 54 ปีข้างหน้า คือ ในวันที่ 11 เม.ย. 2613 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จันทบุรี ตราด และระนอง หลังจากครั้งล่าสุดเกิดเมื่อปี 2538 ซึ่งไม่ได้หมายความว่าในระหว่างนี้จะไม่เกิดอีกเลย แต่ประเทศไทยจะเห็นเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
“การเกิดสุริยุปราคามีอยู่ 3 รูปแบบ คือ 1.เต็มดวง 2.วงแหวน 3.บางส่วน ปัจจัยที่จะทำให้เราได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงเช่นครั้งนี้มีอยู่ 2 ปัจจัย ก็คือ 1.พระจันทร์ต้องอยู่ใกล้โลกมากที่สุด ถึงจะบังได้หมดดวง 2.การที่เกิดได้จะมีอยู่ 2 ช่วงของปีที่ระนาบการโคจรของโลกและดวงจันทร์ตรงกัน และเป็นคืนเดือนดับ โดยเฉลี่ยแล้ว สุริยุปราคาเต็มดวงจะเกิดทุก 1-2 ปี (ไม่นับรวมแบบวงแหวน) แต่จะเกิดกระจายไปทั่วโลก
“ในชีวิตคนเรา 1 ช่วงชีวิตประมาณ 80 ปีจะมีโอกาสได้เห็นสุริยุปราคาไม่เกิน 2 ครั้ง ยกเว้นแต่จะเดินทางไปประเทศที่กำลังจะเกิดสุริยุปราคานั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับสุริยุปราคาในครั้งนี้ทางใต้ของไทยจะเห็นได้มากที่สุดประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และเห็นบางส่วนน้อยที่สุดใน จ.เชียงราย เพียง 24 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ดวงอาทิตย์
“สำหรับอิทธิพลของการเกิดสุริยุปราคานั้น ในแง่ปรากฏการณ์ธรรมชาติจะมีปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงตามแรงดึงดูดของดวงวงจันทร์ ซึ่งเราก็เจอปรากฏการณ์นี้อยู่แล้วในทุกวัน แต่ช่วงที่เกิดสุริยุปราคาเป็นเวลาที่ดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุด และมีแรงโน้มถ่วงต่อกัน สูงกว่าค่าปกติจึงเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นสูงแต่ไม่มีผลในแง่ของภัยพิบัติ เพราะเมื่อเทียบกับภัยธรรมชาติอื่นๆ แล้ว สุริยุปราคามมีผลน้อยมากจนแทบไม่รู้สึก
ปรากฏการณ์ที่ต่อมาจะเป็นเรื่องการแตกตื่นของสัตว์ที่เข้าใจว่าถึงเวลามืดกว่าปกติ ดังนั้นจึงไม่ควรแตกตื่นว่าจะมีผลกระทบอะไรเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย และที่ผ่านมาเราก็เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างน่ากลัวหลังสุริยุปราคาผ่านพ้นไป”
ดาวยูเรนัส หรือดาวมฤตยูในมุมมองนักวิทยาศาสตร์
ที่ผ่านมานักโหราศาสตร์ได้เผยคำทำนายดวงเมืองตามการเคลื่อนย้ายของดาวมฤตยู หากจะว่าไปแล้ว เรารู้จักดาวดวงนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับดาวดวงอื่นๆ และดาวมฤตยูนั้นนำความหายนะมาสู่โลกอย่างไรในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์
ดร.อุเทน อธิบายว่า ตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้ว ดาวยูเรนัสถือเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 7 ในระบบสุริยจักรวาล “การโคจรของดาวเคราะห์นับเป็น 1 รอบในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากก็จะมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่เร็วกว่าดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลออกไป อย่างโลกใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 365 วัน แต่ดาวยูเรนัสที่อยู่ห่างดวงอาทิตย์มากจะใช้เวลาถึง 84 ปี ใช้เวลาโคจรย้ายราศีเฉลี่ยทุก 7 ปี
ในความเชื่อทางโหราศาสตร์ หรือการทำนายทายทัก มักจะเป็นรอบ 360 องศาขอบฟ้าเป็น 12 จักรราศีอย่างที่เราทราบกันดี ในช่วงที่ผ่านมาดาวยูเรนัสโคจรอยู่ในช่วงของราศีมีน และโคจรไปอยู่ในช่วงราศีเมษตั้งแต่เดือน ก.ค. 2558
ความรู้เกี่ยวกับดาวยูเรนัสมีอยู่น้อยมาก เพราะด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากโลก อีกทั้งเพิ่งมีการค้นพบดาวดวงนี้ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา รวมทั้งยานสำรวจระบบสุริยะก็เพิ่งเดินทางผ่านดาวยูเรนัส พร้อมเก็บภาพและข้อมูลต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมากพอที่จะทำให้เรารู้ว่าดาวดวงนี้มีลักษณะเป็นดาวสีเขียวเพราะการสะท้อนของก๊าซไฮโดรเจน ฮีเลียม แอมโมเนีย มีเทน มีวงแหวนและมีดวงจันทร์บริวารถึง 27 ดวง ซึ่งผมดูแล้วก็ไม่มีลักษณะที่ชัดเจนว่าควรจะเรียกดาวมฤตยูแต่อย่างใด”
คราสคือลางร้าย มฤตยูคือการเปลี่ยนแปลง
ชัยวัฒน์ สดชื่น กรรมการฝ่ายวิชาการ สมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ แสดงทัศนะในทางโหราศาสตร์ว่า เหตุการณ์สุริยุปราคาหรือการเกิดคราส เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยไม่มากนัก เพราะเหตุการณ์หลักจะเกิดขึ้นกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสุริยุปราคาในครั้งนี้ แต่ประเทศไทยก็อาจจะได้รับอิทธิพลเพราะอยู่ในแนวเงาราหูอยู่บ้างประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่หลักๆ แล้วอยากให้โฟกัสไปที่ประเทศอินโดนีเซียมากกว่า ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรรุนแรงภายใน 120 วัน หลังจากเกิดสุริยุปราคา
“ในการทำนายคลาสครั้งนี้เกิดขึ้นจุดเกิดเหตุอยู่ในราศีกุมภ์ เป็นราศีธาตุลม อาจจะเกิดปัญหาวาตภัยพายุต่างๆ ลมพายุจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และปรากฏว่ามีดาวพฤหัสบดีเล็งจุดคราสนี้อยู่ ทางโหราศาสตร์ภารตถือว่าเป็น “คุรุจัณฑาล” ส่งผลให้ศาสนา นักบวช บัณฑิตผู้คงแก่เรียน วงการครูบาอาจารย์ ผู้ครองแคว้นที่มีศีลธรรม บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ตงฉินเกิดความเสื่อมเสีย ทั้งช้าง ม้า วัว ควาย ต่างก็จะประสบความวิบัติทั่วกันทั้งสิ้น
เมื่อย้อนกลับมาดูที่ดวงเมืองของประเทศไทย ราศีกุมภ์คือ ภพลาภะแห่งดวงเมือง หมายถึงสภาผู้แทนราษฎร สภาร่างรัฐธรรมนูญ อัครข้าราชทูต อาจจะเกิดปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาติดขัดอาจจะเกิดการล่าช้าออกไป และมีผลอีกราวๆ 120 วัน หลังเกิดคราส ส่วนประเทศอินโดนิเซียที่เป็นศูนย์กลางคราสก็ต้องดูกันอีกว่า ลัคนาดวงเมืองเขาเป็นอย่างไรถึงจะบอกได้ว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
สำหรับการย้ายราศีของดาวมฤตยู ถ้าเรานับตามปฏิทินระบบสุริยยาตร์ ดาวมฤตยูจะย้ายราศีในวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ถ้าดูทางปฏิทินดาราศาสตร์สากลและปฏิทินนิรายนะ ที่มีความเที่ยงตรงมากกว่าจะพบว่าดาวมฤตยูจะย้ายราศีในเดือน มิ.ย. หลังจากนั้นเดือน ส.ค. จะย้ายกลับมาที่ราศีมีนและจะย้ายกลับมาที่ราศีเมษอีกครั้งในเดือน เม.ย. 2560 นี่จึงเป็นความคลาดเคลื่อนที่แตกต่างกันอย่างมาก
ต้องย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่เซอร์วิลเลียม เฮอร์เซล ค้นพบดาวยูเรนัสเมื่อปี 2324 สมัยนั้นโหราศาสตร์ไทยยังไม่มีดาวมฤตยูมาใช้ในการคำนวณดวงชะตา จนกระทั่งมีการนำมาแปลใช้รวมกับการคำนวณในระบบสุริยยาตร์ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 โดย หมื่นพรหมสมพัตสร (มี ลงกาใหม่) ซึ่งผลการคำนวณดาวยูเรนัสที่ถูกดัดแปลงมาใช้จากคัมภีร์สุริยยาตร์นี้ มีค่าความคลาดเคลื่อนจากทางดาราศาสตร์จริงๆ อยู่มาก และการตีความของดาวมฤตยูเป็นการตีความผ่านมุมมองของนักโหราศาสตร์ตะวันตกทั้งหมด และเราก็ค่อยๆ เก็บสะสมสถิติและการแปลความหมายของดาวมฤตยูมาจนถึงปัจจุบัน
ความหมายของดาวมฤตยู หลักๆ แล้วหมายถึงการเปลี่ยนแปลง การทำลายล้างสิ่งเดิมและสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา แต่ดาวมฤตยูมีระยะเวลาการโคจรที่ยาวนาน ดังนั้นหากดาวมฤตยูย้ายเข้ามาในดวงเมืองจะยังไม่มีผลในทันที ต้องรอให้ดาวมฤตยูผ่านเข้าจุดสำคัญของดวงเมืองในราศีเมษ คือ ดาวอาทิตย์ และลัคนาดวงเมืองเสียก่อน จึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน เพราะคนบนโลกมีเป็นพันล้านคน คนไทยก็มีกว่า 70 ล้านคน จะให้ได้รับผลกระทบจากดาวมฤตยูเหมือนๆ กันหมดก็คงไม่ใช่ เพราะเราต่างมีดวงชะตาที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ร้ายสำหรับคนหนึ่งอาจจะดีสำหรับอีกคนก็ได้”
สุดท้าย ดร.อุเทน ให้มุมมองที่น่าสนใจอีกว่า หากมีการนำหลักดาราศาสตร์ไปพูดกันถึงเรื่องความเชื่อทางโหราศาสตร์ จะพบว่ามีตีความหมายที่เกี่ยวข้องกับบุคคล ดวงเมือง และดวงโลกอย่างมากมาย “อย่างเช่นดาวยูเรนัสเมื่อนับย้อนกลับไป 84 ปี ซึ่งเคยอยู่ในราศีเมษก็คือในปี 2475 ซึ่งเป็นปีที่เราทราบกันดีว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ถ้าเรามองเหตุการณ์ต่างๆ ของประเทศไทยก่อนที่ดาวมฤตยูจะย้ายราศี ก็จะพบว่าประเทศไทยเราก็มีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มากมาย โดยที่ดาวมฤตยูนั้นยังไม่ได้โคจรข้ามราศีด้วยซ้ำ ดังนั้นเราควรรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ และคิดพิจารณาอย่างมีสติจะเป็นการดีที่สุด”