posttoday

France goes Big on going green

18 มิถุนายน 2559

สัปดาห์นี้ทีมงานโลก 360 องศา ยังคงอยู่กันที่มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะแวะไปดูสถาปัตยกรรมสวยๆ

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

สัปดาห์นี้ทีมงานโลก 360 องศา ยังคงอยู่กันที่มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะแวะไปดูสถาปัตยกรรมสวยๆ สัมผัสอากาศโรแมนติก ไปเยือนย่านนอกกระแสของนครแห่งนี้แล้ว อีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปแวะชมก็คือ สวนสาธารณะสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งปารีสขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีต้นไม้มากเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป โดยที่นี่มีสวนสาธารณะทั้งหมด 421 แห่ง หรือเท่ากับมีจำนวนต้นไม้ใหญ่กว่า 2.5 แสนต้นทีเดียว เอกลักษณ์ของสวนแบบฝรั่งเศสที่พบได้อยู่บ่อยๆ ก็คือเป็นสวนที่มีการออกแบบ และจัดวางอย่างมีแบบแผน มักจะเห็นเป็นรูปเรขาคณิตต่างๆ ได้ชัดเจน

ชาวปารีเซียง (Parisien) นิยมออกมาสวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น นั่งเล่น อ่านหนังสือหรือจับกลุ่มเล่นเปตองและหมากรุก หากใครอยากลองไปสัมผัสวันสบายๆ ของชาวปารีสก็ลองไปที่สวนสาธารณะบ้าง อาจจะสนุกไปอีกแบบ

France goes Big on going green ธรรมชาติเขียวขจีที่เมือง โนฌอง เซอ แซน

 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง มหานครปารีสยังถือว่าเป็นเมืองที่มีมลพิษทางอากาศมาก เพราะมีการจราจรที่คับคั่งตลอดเวลา ดังนั้นรัฐบาลจึงรณรงค์ให้ประชาชนงดใช้รถยนต์บางวัน และสงวนถนนบางเส้นที่มีมลพิษทางอากาศมาก เช่น ถนนฌอง เอลิเซ่ ไว้สำหรับรถพลังงานสะอาดเท่านั้น และถนนสายหลักที่มีการจราจรคับคั่ง ก็ควบคุมให้มีแต่รถที่ปล่อยก๊าซไอเสียในระดับต่ำเท่านั้น นอกจากเรื่องการควบคุมปริมาณยานพาหนะในเมืองแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการลดโลกร้อนที่ชื่อว่า “หลังคาสีเขียว”หรือ “กรีนรูฟ” (green roofs) โดยอาคารพาณิชย์ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่จะต้องมีพื้นที่สีเขียว หรือไม่จะต้องมีโซลาร์เซลล์อยู่บนหลังคาด้วย

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม United Nations Climate Change Conference 2015 หรือที่คนไทยเรียกกันสั้นๆว่า การประชุม “คอป 21”(COP 21) หรือ “ซีเอ็มพี 11” (CMP 11) ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยก็ได้มาเข้าร่วมประชุมด้วย การประชุมคอป 21 ครั้งนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องจากประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกที่ก่อก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด อย่าง สหรัฐอเมริกา, จีน และอินเดียนั้น ได้แสดงความตั้งใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน

France goes Big on going green บรรยากาศยามเย็นเมือง โนฌอง เซอ แซน (Nogent sur Siene)

 

จากใจกลางกรุงปารีส เราขอพาทุกท่านเดินทางออกมาที่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร นั่นก็คือ “โนฌอง เซอ แซน” (Nogent sur Seine) เมืองนี้มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยเป็นเมืองของอัศวินตระกูลหนึ่งในฝรั่งเศส และยังเคยเป็นสนามรบในช่วงศตวรรษที่ 19 อีกด้วย

สองฟากฝั่งแม่น้ำจะเป็นที่ตั้งของอาคารบ้านเรือนซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารที่เก่าแก่ สลับกันไปกับต้นไม้สีเขียวและดอกไม้สวยๆ ที่ทำให้บรรยากาศของเมืองแห่งนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่นี่มีอากาศและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ชาวฝรั่งเศสหลายคนจึงใฝ่ฝันว่าอยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้กัน ปัจจุบันแม่น้ำแซนของที่นี่ นอกจากจะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ต่างๆ อย่างเช่น นกน้ำ, เป็ดและหงส์ขาวแล้ว ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวเมือง ซึ่งมักจะออกมาเดินเล่นในสวนต่างๆ ริมแม่น้ำหรือทำกิจกรรม เช่น การพายเรือคายัก

ใจกลางเมืองแห่งนี้มีอีกหนึ่งแลนมาร์คสำคัญ นั่นก็คือ โบสถ์ “เซนต์ ลอเรนซ์” (Église Saint-Laurent) โบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดนัดชุมชนที่จะเปิดทุกเช้าวันพุธและเสาร์ เกษตรกรและพ่อค้าแม่ค้าจะนำสินค้าพื้นเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารการกินและเครื่องใช้ที่จำเป็นมาวางจำหน่ายกันทุกสัปดาห์ มาที่นี่เราสามารถสัมผัสได้ถึงอากาศและธรรมชาติอันบริสุทธิ์สดชื่นผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และที่สำคัญไม่ต้องระมัดระวังตัวมากเหมือนอยู่ในกรุงปารีส แต่เมืองอันแสนสงบแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของประเทศนี้ด้วย

France goes Big on going green สวนที่มีการออกแบบและจัดวาง อย่างมีแบบแผน

 

ร้อยละ 75 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศฝรั่งเศสมาจากพลังงานนิวเคลียร์ ประเทศนี้มีการใช้งานและพัฒนาไฟฟ้านิวเคลียร์มานานหลายสิบปีแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง และมีประมาณร้อยละ 17 เป็นเชื้อเพลิงที่ถูกนำกลับมาปรับปรุงใช้ใหม่ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าคนฝรั่งเศสเขาจึงใกล้ชิดและคุ้นเคยกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพราะถือเป็นพลังงานสะอาด ไม่ทำลายธรรมชาติและไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน

สำหรับชาวโนฌอง เซอ แซน พวกเขามีความเข้าใจและเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้สามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ สิ่งแวดล้อมที่เขียวขจี น้ำใสสะอาด รวมไปถึงบรรดาสัตว์น้อยใหญ่เหล่านี้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ประเทศฝรั่งเศสสะท้อนให้เห็นแล้วว่า การพัฒนาด้านพลังงาน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่เดินหน้าคู่กันไปได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และความเชื่อมั่นของประชาชน ก็จะทำให้สามารถจัดการทั้งสองเรื่องได้อย่างลงตัว

France goes Big on going green ชาวปารีเซียง (Parisien) นิยมออกมา สวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ

 

ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะความตั้งใจจริงที่จะช่วยลดโลกร้อนรัฐบาลของที่นี่จึงออกมาตรการต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Green building หรืออาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Green technology หรือเทคโนโลยีที่เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศนี้เคยตั้งเป้าอย่างท้าทายว่า จะต้องใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2050

คำถามที่ว่าฝรั่งเศสจะสามารถทำได้หรือไม่ ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ชัดเจนแต่สำหรับประเทศไทยของเรา ถ้าเราจะเดินหน้าด้วยวิธีที่ช่วยลดโลกร้อนควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เราก็คงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศ โดยเริ่มจากการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย