posttoday

ม้ามืดไอซ์แลนด์ หัวใจลูกหนังชนะทุกอย่าง

29 มิถุนายน 2559

เบื้องหลังความสำเร็จของ "ไอซ์แลนด์" ม้ามืดในศึกยูโร2016 ที่ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

โดย...นูโน่

นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ลูกหนังสำหรับไอซ์แลนด์ หลังเขี่ย “สิงโตคำราม” อังกฤษ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2016 ด้วยการแซงชนะ 2-1 เมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. ตอกย้ำบรรยากาศ “เบร็กซิต 2” ให้กับชาวเมืองผู้ดี

“มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาไอซ์แลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือครั้งแรกที่พวกเราได้เล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ และผมไม่รู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน มันวิเศษมาก ผมพูดไม่ออก” จอน ดาดี บอดวาร์สสัน กองหน้าวัย 24 ปี กล่าว

ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น น้องใหม่จากเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือถูกมองเป็นม้านอกสายตา ในฐานะประเทศเล็กที่สุดในบรรดา 24 ทีม ด้วยจำนวนประชากรเพียง 3.3 แสนคน และทั้งประเทศมีนักเตะเพียง 21,500 คน

ขณะที่ลีกสูงสุดในประเทศก็ยังไม่ใช่ลีกอาชีพแบบเต็มตัว เมื่อนักเตะส่วนใหญ่ยังมีอาชีพอื่นควบคู่กันไป และมีค่าตั๋วค่อนข้างถูกประมาณแค่ 10 ยูโร (ราว 390 บาท) ท่ามกลางความสัมพันธ์อันใกล้ชิดเป็นพิเศษกับแฟนบอล ซึ่งมีประเพณีปฏิบัติกันก่อนเกมแต่ละครั้ง เฮดโค้ชจะพบกับกลุ่มแฟนบอลเพื่ออธิบายการจัดตัวผู้เล่นและแท็กติก

ฮันเนส ฮัลดอร์สสัน ผู้รักษาประตูคือหนึ่งตัวอย่างของแข้งทีมไอซ์แลนด์ ที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลอย่างเดียว เพราะอีกบทบาทหนึ่งของเขาคือผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งเคยฝากผลงานไว้เมื่อปี 2012 ในฐานะผู้กำกับมิวสิควิดีโอให้กับเพลงจากไอซ์แลนด์ที่เข้าประกวด “ยูโรวิชั่น 2012” หรือแม้แต่ ไฮเมอร์ ฮอลล์กริมส์สัน หนึ่งในโค้ชคู่ (ร่วมกับ ลาร์ส ลาเกอร์บัค ชาวสวีเดน) ของแข้งภูผาน้ำแข็ง ก็ยังมีอาชีพทันตแพทย์ควบคู่กันไปด้วย

แต่ความสำเร็จของพวกเขาไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

การพัฒนาฟุตบอลของไอซ์แลนด์ ซึ่งคลั่งไคล้เกมลูกหนังอย่างมาก ดำเนินไปพร้อมกับการพัฒนาชาติ เริ่มจากการลงทุนสร้างสนามฟุตบอลในร่ม ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ เมื่อปี 1990 เป็นต้นมา เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของลักษณะภูมิอากาศของประเทศ ที่มีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี ก่อนจะมีปัญหาวิกฤตการเงินเมื่อ 6 ปีก่อนจนทำให้ต้องเบรกโปรเจกต์นี้ไป แต่ก็สามารถสร้างสนามฟุตบอลในร่มแบบเต็มรูปแบบจำนวน 11 แห่งในปัจจุบัน โดยยังไม่รวมสนามเล็กๆ อื่นอีก

เมื่อมีสนามแล้ว ทรัพยากรบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน สมาคมลูกหนังไอซ์แลนด์จึงเดินหน้าสร้างโค้ช เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาเยาวชนอย่างมีระบบ แม้ว่า 23 คนในทีมไม่มีใครค้าแข้งอยู่ในลีกบ้านเกิด แต่หลายคนก็เป็นผลผลิตมาจากระดับเยาวชน โดยเฉพาะชุดยู-21 ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2011

“คุณไม่อาจประสบความสำเร็จได้โดยไม่มีนักเตะที่ดี แต่ทีมในชุดปัจจุบันของเราได้รับการพัฒนามาจากโค้ชไอซ์แลนด์ ตลอด 10-15 ปีที่ผ่านมา โค้ชเหล่านั้นสมควรได้รับเครดิต 70% ของพวกเขาได้ไลเซนส์ บี ของยูฟ่า และ 23% มีไลเซนส์ เอ พวกเขาพัฒนานักเตะทั้งหมด” ฮอลล์กริมส์สัน กล่าว

ม้ามืดไอซ์แลนด์ หัวใจลูกหนังชนะทุกอย่าง ฮอลล์กริมส์สัน

ขณะที่ ลาเกอร์บัค เผยว่า ระบบ 4-4-2 ที่แข็งแกร่งของทีม คืออานิสงส์ที่ได้เรียนรู้จาก รอย ฮอดจ์สัน สมัยคุมทีมในลีกสวีเดนยุคปี 1970-1980 ซึ่งเขายังเป็นนักเตะ และได้ประโยชน์มากมายจากวิธีการฝึกซ้อมของกุนซือชาวอังกฤษและการศึกษาด้านโค้ชระยะยาวในสวีเดน

หลังจากเกือบผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 ก่อนพ่ายโครเอเชีย ในรอบเพลย์ออฟ พวกเขาก็ได้ส่งสัญญาณเตือนคู่แข่งในรอบคัดเลือกยูโร ด้วยการเขี่ยเนเธอร์แลนด์ตกรอบจากชัยชนะไป-กลับ ก่อนผ่านเข้ามาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม หลังพ่ายเพียง 2 นัดให้กับเช็กและตุรกี และมาตอกย้ำฟอร์มแกร่งอีกครั้งในรอบแรก ด้วยสถิติไม่แพ้ใคร

ถึงตอนนี้ไอซ์แลนด์ยังมีโอกาสบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งจะพบกับฝรั่งเศส เจ้าภาพและเต็งแชมป์ ซึ่งฮอลล์กริมส์สันเชื่อว่าพวกเขายังสร้างเซอร์ไพรส์ได้ดีกว่านี้อีก

“เราค่อยๆ พัฒนาขึ้น และในความคิดของผม นี่ยังไม่ใช่เกมที่ดีที่สุดของพวกเรา และเรายังไม่ได้โชว์สิ่งที่เราทำได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้ได้อีก” กุนซือไอซ์แลนด์ กล่าว

แต่ไอซ์แลนด์จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างเดนมาร์ก ที่ผงาดคว้าแชมป์ยูโร 1992 หลังได้รับส้มหล่นเข้าแข่งแทนยูโกสลาเวีย ที่โดนแบนเนื่องจากสงครามภายใน และม้านอกสายตาอย่างกรีซ ที่ประสบความสำเร็จเมื่อปี 2004 ได้หรือไม่นั้น ยังเหลืออีกหลายด่านให้ต้องพิสูจน์

“เรามีความเชื่อเสมอ นั่นคือทัศนคติของเรา” อารอน กุนนาร์สสัน กล่าว

ม้ามืดไอซ์แลนด์ หัวใจลูกหนังชนะทุกอย่าง