posttoday

ทรัมป์ได้คะแนนนิยมมากขึ้นในกลุ่มฮิสแปนิก แฮร์ริสชนะใจหญิงผิวขาวมากขึ้น

27 ตุลาคม 2567

ผลสำรวจของ Reuters/Ipsos ชี้ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเกือบจะลบล้างความได้เปรียบอันยาวนานของพรรคเดโมแครตในหมู่ชายชาวฮิสแปนิก ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งเขาจะเผชิญหน้ากับคามาลา แฮร์ริส

ล่าสุด อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ตามหลังรองประธานาธิบดีแฮร์ริสเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ในหมู่ผู้ชายฮิสแปนิก – 44 เปอร์เซ็นต์ต่อ 46 เปอร์เซ็นต์ – เทียบกับการแพ้ถึง 19 คะแนนของเขาให้กับโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตในกลุ่มตัวอย่างเดียวกันในปี 2020 ตามการวิเคราะห์ของคำตอบมากกว่า 15,000 รายการ การสำรวจของ Reuters/Ipsos ดำเนินการในเดือนถึงวันที่ 21 ต.ค. และในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020

 

การได้รับเสียงสนับสนุนของทรัมป์ในกลุ่มชาวฮิสแปนิก ถูกชดเชยด้วยคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นสำหรับแฮร์ริสในหมู่ผู้หญิงผิวขาว ซึ่งสนับสนุนทรัมป์มากกว่าไบเดน 12 คะแนนในช่วงปลายปี 2020 แต่ตอนนี้เอนเอียงไปทางพรรครีพับลิกัน 3 คะแนน หรือ 46% ต่อ 43% ทำให้ผู้สมัครทั้งสองรายยังคงมีคะแนนิยมที่ใกล้เคียงกันมาก โดยแฮร์ริสได้นับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น - 46% ถึง 43% ในการสำรวจความคิดเห็นของ Reuters/Ipsos ครั้งล่าสุดซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 16-21 ต.ค.

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวร่วมที่ผู้สมัครแต่ละคนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน โดยทรัมป์เพิ่มความได้เปรียบของเขากับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นเชื้อสายฮิสแปนิกและผิวดำ โดยเฉพาะผู้ชาย ในขณะที่แฮร์ริสตัดความได้เปรียบที่มีมาอย่างยาวนานของพรรครีพับลิกันกับผู้ลงคะแนนเสียงผิวขาวด้วยการทุ่มการหาเสียงกับผู้หญิง

ทรัมป์ได้คะแนนนิยมมากขึ้นในกลุ่มฮิสแปนิก แฮร์ริสชนะใจหญิงผิวขาวมากขึ้น

 

ทรัมป์กล่าวหาว่าฝ่ายบริหารของไบเดนปล่อยให้ชายแดนทางใต้เปิดให้ผู้อพยพย้ายถิ่นเข้ามา ในขณะที่แฮร์ริสกลับต่อต้านโดยกล่าวโทษทรัมป์ที่กดดันพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสให้ทิ้งร่างกฎหมายความมั่นคงชายแดนของทั้งสองฝ่ายซึ่งจะทำให้การควบคุมชายแดนเข้มงวดขึ้น

 

ผู้ลงคะแนนเสียงเชื้อสายฮิสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ เอนเอียงไปทางพรรคเดโมแครตอย่างมากในการเลือกตั้งประธานาธิบดีส่วนใหญ่นับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แต่ทรัมป์กลับรุกล้ำเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

 

การวิเคราะห์การสำรวจของ Reuters/Ipsos ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้รับการสนับสนุนจาก 37% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งฮิสแปนิกที่ลงทะเบียน เพิ่มขึ้นจาก 30% ณ จุดเดียวกันในปี 2020 แฮร์ริสอยู่ที่ 51% เทียบกับ 54% ของไบเดนเมื่อสี่ปีก่อน ตัวเลขอาจมีข้อผิดพลาดในการสุ่มตัวอย่าง และมีระดับความแม่นยำระหว่าง 2 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์

ทรัมป์ได้คะแนนนิยมมากขึ้นในกลุ่มฮิสแปนิก แฮร์ริสชนะใจหญิงผิวขาวมากขึ้น

 

ทรัมป์ได้รับคะแนนเสียงจากชาวฮิสแปนิก 38% ในปี 2020 ซึ่งต่ำกว่าไบเดน 21 คะแนน แต่ยังคงเป็นส่วนแบ่งที่มากที่สุดสำหรับผู้สมัครพรรครีพับลิกันนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชได้เสียงสนับสนุนถึง 44% ในปี 2547 ตามการวิเคราะห์เอ็กซิทโพลปี 2020 โดย Pew Research Center และตัวเลขทางประวัติศาสตร์ที่รวบรวมโดย American Enterprise Institute

 

ขณะเดียวกัน พรรครีพับลิกันก็ยังเริ่มรุกไล่พรรคเดโมแครตในเขตเลือกตั้งของคนผิวดำมากขึ้น  ผู้ชายผิวดำประมาณ 18% เลือกทรัมป์ในการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพิ่มขึ้นจาก 14% เมื่อสี่ปีก่อน เช่นเดียวกับผู้หญิงผิวดำ 8% เพิ่มขึ้นจาก 4% การสำรวจความคิดเห็นหลังการเลือกตั้งปี 2020 แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสีโดยรวมประมาณ 8% เลือกทรัมป์ในปี 2020 ในขณะที่การสำรวจของ Reuters/Ipsos ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ที่ 12%

 

อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยังคงมีคะแนนำเล็กน้อย ใยการแข่งขันอย่างสูสีครั้งนี้ ส่วนหนึ่งด้วยการเอาชนะใจผู้หญิงผิวขาว ซึ่งเป็นสัดส่วนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 4 ใน 10 คน มากกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวดำและฮิสแปนิกรวมกันเป็นสองเท่า

 

แม้ว่าส่วนแบ่งการสนับสนุนจากชายผิวขาวของผู้สมัครทั้งสองจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่การที่แฮร์ริสมีผู้สนับสนุนผู้หญิงผิวขาวเพิ่มมากขึ้น หมายความว่าทรัมป์นำอยู่เพียง 9 คะแนนเท่านั้น โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวขาวโดยรวม เมื่อเทียบกับตอนที่เขานำไบเดน 14 คะแนนในปี 2020

 

Davison นักยุทธศาสตร์ของพรรครีพับลิกันกล่าวว่า ผู้หญิงจำนวนมากหันมาหาแฮร์ริส ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรรคเดโมแครตมุ่งเป้าหาเสียงไปที่พวกเธอในเรื่องการทำแท้ง หลังจากคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐในปี 2022 สั่งยุติสิทธิในการทำแท้งทั่วประเทศ