‘ทุกสรรพสิ่ง คือ ธรรมะ’

โดย...ราช รามัญ

ฤดูมรสุม ในช่วงนี้พระสงฆ์ท่านจำพรรษาอยู่ในวัด เพื่อศึกษาธรรม ทั้งทางด้านปริยัติและปฏิบัติ บางวัดในช่วงนี้จะเคร่งครัดในการปฏิบัติภาวนา และตรวจทานพระธรรมวินัยกันทุกกึ่งเดือนในสายเถรวาท ผมเคยเกิดข้อสงสัยต้นบัญญัติว่า ทำไมฤดูมรสุม พระสงฆ์ต้องจำพรรษา ปรากฏว่า เนื่องจากการเดินทางไปไหนมาไหนลำบากและเดินแล้วไปเหยียบย่ำนาข้าวให้เสียหาย

ความคิดพาคิดต่อไปอีกว่า...เป็นพระสงฆ์เดินต้องสำรวมแล้วทำไปต้องไปเหยียบนาข้าว ครั้นพอไปอินเดีย พอเห็นนาข้าวของเขาแล้ว จึงถามว่าลักษณะของนาเป็นแบบนี้มานานแล้วหรือว่าเพิ่งเป็น แขกบอกว่าเป็นแบบนี้มาหลายพันปีแล้ว จึงถึงบางอ้อ

ที่ถามเพราะว่า นาข้าวแบบบ้านเรานั้น คันนานั้นจะมีขนาดใหญ่พอควร แต่คันนาของอินเดียนั้น เล็กเท่าฝ่าเท้าเลยทีเดียว แน่นอนเมื่อคันนาเล็กเท่าฝ่าเท้าแล้วฤดูที่ฝนตกหนักๆ เวลาเดินย่อมจะลื่นลงไปในนาข้าวได้ ทำให้ข้าวเสียหาย ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ แล้วจึงบัญญัติขึ้นว่าให้จำพรรษา

แต่ในอีกคติหนึ่ง กล่าวว่า ฤดูนี้เป็นช่วงของการทำนา ถ้าพระสงฆ์ไปหาญาติโยมที่บ้านบ่อยๆ ก็ไม่มีเวลาที่จะไปทำนา จึงจะทำให้เสียโอกาสในการทำนา เพราะต้องคอยมานั่งคุยกับพระดูแลพระที่มาบ้าน จึงมีคนไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วพระองค์จึงบัญญัติให้เป็นฤดูเข้าพรรษาในช่วงนี้

การศึกษาธรรมะถ้าเรามองให้ดีๆ จะเห็นได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต่างสอดคล้องกับความเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะการบัญญัติพระธรรมวินัยในหมวดต่างๆ หรือแม้แต่ธรรมะข้อต่างๆ ไม่มีสิ่งใดที่วิ่งหนีออกไปจากความเป็นธรรมชาติเลย

พูดถึงธรรมชาติแล้ว วันก่อนได้พบ อำนาจ เชาวรัตน์ เจ้าของกระเทียมน้ำปาด มูลค่าพันล้านบาท เพราะถือได้ว่าเป็นกระเทียมหนึ่งเดียวในโลก ที่แม้แต่ สันติ เศวตวิมล แม่ช้อยนางรำ การันตีความสด อร่อย จึงได้คุยกันถึงเรื่องของธรรมะที่เกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติ

อำนาจ ได้บอกว่า “ธรรมะที่แท้จริงสำหรับเขา คือ ทุกสรรพสิ่งที่เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่นอกเหนือไปกว่านี้อีกแล้ว การที่ใครไปเข้าใจว่าธรรมะเป็นอย่างอื่น บอกเลยว่า ไม่ใช่ ธรรมะเป็นธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องของการเกิดขึ้น การตั้งอยู่ หรือแม้แต่ดับไปก็ตาม

การที่จะให้ได้รู้เห็นเรื่องของธรรมชาติก็ต้องเรียนรู้เริ่มจากที่ตัวของเรา กายยาววาหนาคืบนี้เอง ไม่มีไปเป็นในเรื่องอื่นได้เลย ทุกคำสอนของพระพุทธเจ้ามารวมจบลงตรงนี้เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าคุณจะจบมหาเปรียญ ไม่ว่าคุณจะเป็นพระมหาเถระ หรือเป็นอะไรก็ตามทุกอย่าง หรือแม้จบปริญญาเอกทางด้านศาสนาปรัชญา คุณก็ต้องเข้าใจว่า ธรรมะคือธรรมชาติ ถ้าไปเข้าใจเป็นอย่างอื่นบอกได้เลยว่า ผิดทาง”

เห็นด้วยเลย แม้แต่พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ก็ยังเน้นสอนกรรมฐานให้ทำฌานให้เกิดแล้วหันมาพิจารณาในเรื่องของร่างกายในมุมว่าเป็นอสุภะ คือ ของเน่า ไม่เที่ยง มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ พระในสายของพระอาจารย์มั่น จึงค่อนข้างปลงอสุภะกรรมฐานบ่อย

อำนาจ ย้ำอีกว่า เรื่องศาสนาใครมองอย่างไรไม่ทราบ แต่ผมเน้นความเป็นธรรมชาติ และอะไรที่เป็นเรื่องของพิธีกรรมนั้น ผมไม่สนใจเลย ผมจะยึดหลักธรรมชาติล้วนๆ ไม่ต่างอะไรกับเรื่องของเซน ที่ไม่เน้นอะไรมากไปกว่าการมาลงเน้นที่จิตใจ เพราะจิตใจก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งเหมือนกันเว่ยหลาง เป็นพระที่ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ อยู่เมืองจีน แต่สามารถบรรลุธรรมได้เพราะภาษาใจ ไม่ใช่เพราะภาษาหนังสือ หรือว่าเรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรมใดๆ เลย ดังนั้นการจะบรรลุและเข้าใจถึงความหมายของคำว่า ธรรมะ อย่าไปเข้าใจเป็นแบบอื่น จงเข้าใจเอาว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เหมือนที่หลวงพ่อพุทธทาส เคยปรารภบ่อยครั้งว่า

“การตายก็เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติในรูปแบบหนึ่ง”

ใครก็ตามที่มองว่าธรรมะเป็นหัวข้อ แบบนี้ผมบอกว่ายังไม่เข้าใจธรรมะ เพราะเมื่อไหร่ที่ใจของเราเข้าใจ มองเห็นและยอมรับในทุกสรรพสิ่งได้นั้นแหละ จึงชื่อได้ว่าเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง

ขอบคุณ อำนาจ ที่ได้มุมคิดเกี่ยวกับธรรมะสำหรับในการใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง กับ ธรรมะคือ ธรรมชาติ

โครงการ How to ภาวนา วันที่ 31 ก.ค. 2559 ท่านใดที่สนใจจะร่วมเข้าโครงการเพื่ออบรมติดต่อได้ที่โทร.09-4520-7777 หรือ ที่ ID LINE : Mayata 2222 ราช รามัญ เป็นวิทยากรตลอดการอบรมในครั้งนี้...