Buenos Aires... The Mingle City
“หรูหรา มีชีวิตชีวา และน่าดึงดูดในแบบยุโรป” เหล่านี้คือคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่มักจะพูดถึงกรุงบัวโนสไอเรส
โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]
“หรูหรา มีชีวิตชีวา และน่าดึงดูดในแบบยุโรป” เหล่านี้คือคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่มักจะพูดถึงกรุงบัวโนสไอเรส (BuenosAires) เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอเมริกาใต้ ความโด่งดังและมีชื่อเสียงของอดีตมหานครแห่งนี้ เริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ด้วยความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในสมัยนั้น จึงทำให้ชาวยุโรป โดยเฉพาะสเปน อิตาลี พากันอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานยังเมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมากวัฒนธรรมสไตล์ยุโรปและละตินอเมริกาจึงถูกผสมผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นความงดงามที่พบเห็นได้ทางสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็นถนน อาคาร โรงแรม หรือแม้แต่สวนสาธารณะก็ใหญ่โตและหรูหราเสมือนถอดแบบมาจากเมืองใหญ่ในยุโรป จนใครๆ ก็ต่างขนานนามที่นี่ว่า “ปารีสแห่งอเมริกาใต้”
ทีมงานเริ่มต้นการเดินทางในบัวโนสไอเรส กันที่จัตุรัสพลาซา เดอ เมโย (Plaza De Mayo) แลนด์มาร์คซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุง ขนาดของจัตุรัสแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนจัตุรัสแดง ในรัสเซีย หรือจัตุรัสเทียนอันเหมิน ในประเทศจีน แต่ทว่าก็เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองเช่นเดียวกัน เนื่องจากจัตุรัสแห่งนี้รายล้อมไปด้วยอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น คาซา โรซาดา (Casa Rosada) ทำเนียบประธานาธิบดี ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกสีชมพู ซึ่งสีชมพูของอาคารแห่งนี้ก็หมายถึงความปรองดองกันของสองพรรคการเมืองในอาร์เจนตินา นั่นก็คือ Federalists สีแดง และ Unitarians สีขาว อาคารรัฐสภาพาลาซิโอ เดอ ครองเกรสโซ (Palacio del Congreso) ซึ่งมีรูปแบบมาจากอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐอเมริกา โดยมีโดมสีเขียวโดดเด่นอยู่ตรงกลาง นอกจากนั้น ในบริเวณก็ยังมีที่ทำการของหน่วยงานภาครัฐอยู่หลายเเหล่ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า จัตุรัสแห่งนี้จะมีการชุมนุมทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการชุมนุมเพื่อประท้วงหรือการแสดงสิทธิเสรีภาพต่างๆ ของชาวอาร์เจนตินา
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในอาร์เจนตินา เป็นผลพวงจากความล้มเหลวทางเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งล่าสุดเมื่อรัฐบาลของนาย Marci Mauricio มีนโยบายตัดสวัสดิการ หรือลดค่าใช้จ่ายของรัฐในการอุดหนุนบริการสาธารณูปโภค เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่างเช่น ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน และค่าขนส่งสาธารณะ ซึ่งการตัดสวัสดิการในส่วนนี้ก็ทำให้ชาวอาร์เจนตินาหลายพันคนไม่พอใจและออกมาประท้วง เนื่องจากต้องมีรายจ่ายเพิ่มสูงขึ้น 400-500 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลของนาย Macri ก็ออกมาบอกว่า การลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการในครั้งนี้ จะสามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นก็จะทำให้ชาวอาร์เจนตินามีไฟฟ้าใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอ โดยไม่ต้องเจอกับไฟฟ้าดับบ่อยๆ อย่างเช่นทุกวันนี้
จากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เราเดินทางออกมาประมาณ 15 นาที เพื่อแวะไปจิบเครื่องดื่มร้อนๆ ยามสาย กันที่ร้านคาเฟ่ตอร์โตนี (Cafe Tortoni) คาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศสแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่เก่าแก่พอๆ กับกรุงบัวโนสไอเรสเลยทีเดียว เนื่องจากสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1858 หรือประมาณ 150 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งก็เคยต้อนรับบุคคลสำคัญๆ มานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็น Jorge Luis Borges นักเขียนชื่อดังของอาร์เจนตินา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Bill Clinton หรือจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก Albert Einstein ก็เคยมาที่นี่
นอกจากคาเฟ่ตอร์โตนีจะมีเสน่ห์ในเรื่องการตกแต่งที่เก่าแก่แต่เก๋ไก๋แล้ว เครื่องดื่มของที่นี่ก็ยังอร่อยและมีเอกลักษณ์ เยอร์บา มาเต้ (Yerba Mate) หรือมาเต้ เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมแบบดั้งเดิมของชาวอาร์เจนตินา โดยทำมาจากใบชาที่นำมาบดและชงกับน้ำร้อน แล้วใส่ในภาชนะที่รูปร่างคล้ายกับน้ำเต้า เวลาดื่มก็จะจิบผ่านหลอดสเตนเลส ซึ่งเจ้ามาเต้นี้คนอาร์เจนตินาเขาก็เปรียบเทียบไว้ว่า เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้นเหมือนกาแฟ มีประโยชน์คล้ายชา และกลมกล่อมเหมือนช็อกโกแลต
หลังจากเติมพลังกันเรียบร้อย เราก็มาถึงถนนคนเดินฟลอริดา (Florida Street) ถนนช็อปปิ้งที่เก่าแก่และคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของบัวโนสไอเรส ในอดีตถนนแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ดีชาวอาร์เจนตินา ซึ่งต่อมาก็ถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นแหล่งช็อปปิ้งอันทันสมัย ปัจจุบันถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักช็อป พ่อค้าแม่ค้า ชาวออฟฟิศ หรือแม้แต่ศิลปิน ที่ในช่วงบ่ายๆ ก็จะมาแสดงหรือโชว์ให้กับผู้คนทั้งสองฝั่งถนนได้ดูกันด้วย แต่ถ้าใครมาที่นี่แล้ว ทีมงานก็แนะนำให้แวะไปถ่ายรูปที่กาเลเรียส แปซิฟิโก (Galerias Pacifico) ศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งอยู่กลางแยกของถนนฟลอริดา ที่นี่เป็นแหล่งรวมของสินค้าแฟชั่นชั้นนำระดับโลก อย่างเช่น Chanel Christian Dior มากไปกว่านั้น สถาปัตยกรรมของอาคารก็สวยงามตระการตา จนทำให้เรานึกไปว่ากำลังเดินอยู่ที่ห้างบองมาเช่ (Bon Marche) ในกรุงปารีสเสียเหลือเกิน
แต่ใครที่ไม่ได้สนใจแหล่งช็อปปิ้งก็มาที่นี่กันดีกว่า ร้านหนังสือชื่อดัง เอล อาเตนีโอ (El Ateneo Grand Splendid) บนถนนซานตาเฟ่ (Sante Fe) ร้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในร้านหนังสือที่ถูกจัดอันดับว่าสวยที่สุดในโลก ซึ่งเดิมทีเคยเป็นโรงละครขนาดใหญ่ ตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1919 ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านหนังสือในปี ค.ศ. 2007 โดยปัจจุบันนอกจากเอล อาเตนีโอ จะเป็นร้านหนังสือที่ขายหนังสือภาษาสเปนมากที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว ก็ยังมีหนังสือภาษาอังกฤษขายมากถึง 4,000 เล่มทีเดียว
และก็มาถึงปลายทางสุดท้ายในบัวโนสไอเรส ที่นี่คือ ย่านลาโบค่า (La Boca) ถิ่นกำเนิดของการเต้นรำที่มีชื่อเสียงอย่าง “แทงโก้” ในศตวรรษที่ 19 ลาโบค่านั้น คือท่าเรือพาณิชย์ของเมือง ซึ่งคนเดินเรือส่วนใหญ่จะเป็นชาวอิตาลีและสเปนที่ไม่ได้คิดว่าจะพักอาศัยอยู่ในลาโบค่าเป็นเวลานาน พวกเขาจึงสร้างบ้านแบบง่ายๆ ด้วยไม้กระดาน สังกะสี และส่วนประกอบของเรือเก่าๆ เมื่อมีสีเหลืองจากการทาเรือก็เอามาทาบ้าน ซึ่งถ้าสีไหนหมดก็ทาสีใหม่เพิ่มเข้าไป ดังนั้น เราจึงเห็นว่าบ้านหลังหนึ่งของที่นี่มีหลากสีสันและก็มีความแปลกตาอีกด้วย
มากไปกว่านั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ก็คือ ดนตรีที่มีจังหวะเร้าใจอย่างแทงโก้โดยตามประวัติศาสตร์แล้วผู้อพยพจากสเปนและอิตาลีได้นำเครื่องดนตรีพื้นเมืองมาผสมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นจังหวะใหม่ และภายหลังถูกเรียกว่า แทงโก้ ซึ่งจังหวะนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของอาร์เจนตินาไปโดยปริยาย ปัจจุบันนี้ใครมาเยือนลาโบค่าก็จะเห็นนักเต้นรำแทงโก้ออกมาวาด ลวยลายกันเต็มท้องถนน รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆ ก็พากันเปิดเพลงแทงโก้แทบทุกร้าน ทำให้บรรยากาศของที่นี่ครึกครื้น มีชีวิตชีวา และสนุกสนานมากจริงๆ
เดินทางกันมาทั้งวันแล้ว ทีมงานก็ปิดท้ายทริปในครั้งนี้ด้วยการทานอาหารขึ้นชื่อของอาร์เจนตินาอย่าง อาซาโด (Asado) หรือบาร์บีคิวสไตล์อาร์เจนตินา ซึ่งประกอบได้ด้วยเนื้อวัวและเนื้ออื่นๆ หลายชนิด ย่างบนเตาพร้อมกันอย่างช้าๆ จนเกิดเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือทั้งนุ่ม หอม และละลายในปาก สมกับเป็นอาหารยอดนิยมของคนที่นี่ มากไปกว่านั้น การทานอาซาโดก็เปรียบเสมือนวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาวอาร์เจนตินา เพราะนิยมทำกันในวันเสาร์หรืออาทิตย์ ซึ่งเป็นเวลาที่จะได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวนั่นเอง
สำหรับใครคนที่สนใจจะมาท่องเที่ยวบัวโนสไอเรส ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เพราะพิษของเศรษฐกิจที่ถดถอยในหลายปีที่ผ่าน ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมค่อนข้างสูง ดังนั้น ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ นั่นคือ ไม่ควรพกหรือสวมใส่ของมีค่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรเดินผ่านซอกซอยที่เปลี่ยวๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน และต้องหมั่นเช็กสภาพการจราจร เพราะว่าเมืองนี้มีการประท้วงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นแล้ว ก็ควรพกยาสามัญติดตัวมาด้วย เพราะค่ายารักษาโรคของที่นี่ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว
ถึงแม้การมาที่นี่อาจต้องระวังตัวเสียหน่อย แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ความงดงามและความมีชีวิตชีวาซึ่งคละเคล้ากันไปนั้น ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นอีกหนึ่งทริปของพวกเราที่ครบเครื่องทุกรสชาติจริงๆ สัปดาห์หน้าเราจะพาคุณผู้อ่านไปเรียนรู้ เปิดประสบการณ์ดีๆ ที่ไหน ติดตามได้ในรายการโลก 360 องศา ทุกวันเสาร์ เวลา 21.20 น. ใบ้ให้ว่าใครที่ชอบไส้กรอก ขาหมูหรือเบียร์ ต้องห้ามพลาด