posttoday

ศรีริต้า เจนเซ่น เติบโตอย่างมั่นคง

03 พฤศจิกายน 2559

นานๆ จะมีผลงานละครออกมาให้ได้ชมกันสักเรื่อง แต่ชื่อของ ศรีริต้า เจนเซ่น ยังติดในตำแหน่ง “นางเอก” เช่นเดิม

โดย...นกขุนทอง ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช

นานๆ จะมีผลงานละครออกมาให้ได้ชมกันสักเรื่อง แต่ชื่อของ ศรีริต้า เจนเซ่น ยังติดในตำแหน่ง “นางเอก” เช่นเดิม แม้จะมีนักแสดงเลือดใหม่เข้าคิวรอเป็นนางเอก และนางเอกรุ่นน้องก็มีผลงานออกมาให้เห็นอยู่เนืองๆ หากแต่บทบาทที่ทางช่องและผู้จัดละครยื่นเสนอให้เธอก็มีแต่บทนางเอก ซึ่งในส่วนของงานละครนั้นปีหน้าเธอถึงจะตกปากรับคำว่าจะลงเรื่องไหน เพราะปีนี้แทบตลอดทั้งปีเธอทุ่มเทกายใจให้กับธุรกิจออกานิก้า(Organika) เเบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเทอราปีออร์แกนิกแท้สัญชาติไทย ที่เธอปั้นมาเองกับมือแทบทุกขั้นตอน

สร้างแบรนด์ที่คนไทยภูมิใจ

คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับริต้าในบทบาทนางเอก แต่ตอนนี้เธอกำลังไปได้สวยกับอีกหนึ่งบทบาท คือ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ ธุรกิจที่เธอลุยมาได้เกือบ 3 ปีแล้ว โดย 2 ปีแรกใช้เวลาเพื่อสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพจนติดตลาดระดับเอลิสต์ จนถึงเวลาที่จะขยายฐานการตลาดออกไปให้กว้างกว่าเดิม ซึ่งเป้าหมายที่นักธุรกิจคนสวยเล็งไว้คือ นำผลิตภัณฑ์
สปาเข้าสู่โรงแรม และสู่ระดับโลก

“ริต้าสนใจธุรกิจตั้งแต่เด็ก แล้วก็ศึกษามาตลอด คิดเสมอว่าสักวันหนึ่งต้องทำ เราต้องทำสินค้าที่มันอ้างอิงประเทศไทย ไม่ใช่เรามาโกยเงินอย่างเดียวจากลูกค้า ริต้าต้องการสร้างแบรนด์ที่ให้คนไทยภาคภูมิใจด้วย ที่ต่างประเทศมองมาแล้วเขาว่าเรามีดี ที่เลือกทำสปาโปรดักต์ ริต้าคิดอย่างละเอียด ส่วนตัวคิดเยอะ คิดรอบด้าน สปาไทยติด 1 ใน 10 ของโลก เรามีสิ่งที่ดีในมืออยู่แล้วเราต้องหยิบมาใช้ ต่างประเทศยอมรับเราในจุดนี้แล้ว แล้วเราหยิบสิ่งนี้มาสร้างให้ดีที่สุด เราจะไปทำอะไรอย่างอื่นทำไม เราเอาวัตถุดิบที่มีประโยชน์มาผสมระหว่างความเป็นอีสต์กับเวสต์ให้ได้สิ่งที่ดีมากๆ ออกมา

ตอนนี้ออกานิก้ามี 3 ส่วน คือ โปรดักต์ ร้านอาหารออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ และสปา โปรดักต์มีขายที่พารากอนมา 2 ปีแล้ว ริต้าอยากทำอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเมืองไทย สร้างอะไรที่เมืองไทยไม่มี สปาโปรดักต์ไทยติด 1 ใน 10 ของโลก สปาไทยยังคงเป็นผู้นำในตลาดโลกที่ต่างชาติให้ความนิยมและเดินทางเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ริต้าอยากทำโกลบอลแบรนด์ ได้เล็งเห็นโอกาสในธุรกิจนี้ ก็ศึกษาล่วงหน้าก่อนจะเปิดแบรนด์นี้ มาถึงตอนนี้เรามองภาพใหญ่ เราต้องการสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงเติบโตในอนาคต แต่ต้องเรียนรู้เยอะ ที่สำคัญที่สุดเน้นพัฒนาสินค้า เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นเอบวก มาตรฐานของสินค้าบริการของเราต้องดีที่สุด”

ศรีริต้า เจนเซ่น เติบโตอย่างมั่นคง

 

ล่าสุดกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของออกานิก้า เฮ้าส์สปาระดับพรีเมียมและแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกของแบรนด์ พร้อมร้านอาหารสุดลักซ์ชัวรี่ขึ้นกลางย่านธุรกิจ ในโครงการพิมาน 49 (สุขุมวิท 49) ปูพรมรุกสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการ และผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสปาอย่างเต็มตัว                 

“ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเทอราปีของไทยนั้นเป็นที่ยอมรับในตลาดสากลอยู่แล้ว ทั้งเรื่องกลิ่น วัตถุดิบ กรรมวิธีการผลิต และคุณภาพ จนเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมติดอันดับของโลก แล้วเทรนด์ความนิยมของโลกหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพและความงามจากธรรมชาติมากขึ้น ริต้าจึงเปิดแฟล็กชิปสโตร์ พร้อมกับสปาและร้านอาหารที่เน้นการให้บริการแบบลักซ์ชัวรี่ทุกขั้นตอน ที่เลือกทำเลในซอยสุขุมวิท 49 เพราะเป็นย่านที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง มีชาวต่างชาติพักอาศัยจำนวนมาก คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ”

เป็นน้องใหม่ในแวดวงธุรกิจสปาไทย แต่ศรีริต้าก็ชัดเจนในแนวทางของตัวเอง ไม่ได้มองว่าต้องมาแข่งกันเองกับผลิตภัณฑ์ในไทย แต่เป้าหมายที่เธอต้องการทำคือ สร้างแบรนด์ของไทยให้เป็นที่จดจำและต้องการในระดับสากล โดยชูความเป็น “ออร์แกนิก”

“เราชูความเป็นออร์แกนิก และกลิ่นของเอสเซนเชียล ออยล์ ที่สกัดจากธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช้กลิ่นที่มาจากสารเคมี เรามี Organic Brown Sugar Scrub ที่อ่อนโยนต่อผิวบอบบาง จนได้รับรางวัล The Winner Best Eco-Friendly จาก Marie Claire Best Beauty 2015 หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์เทียนสปาซึ่งเป็นซิกเนเจอร์โปรดักต์ ก็ผลิตจากถั่วเหลือง 100% กลิ่นควันไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แล้วยังนำน้ำมันเทียนมาใช้เป็นน้ำมันบำรุงผิวเพื่อนวดผ่อนคลายได้ด้วย

ในการทำธุรกิจ ด้านคุณภาพสำคัญมาก ตอนนี้ต่างประเทศสั่งซื้อสินค้าเราตลอดเวลา กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรามีอยู่ค่อนข้างเยอะมาก ทั้งสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี จีน ดูไบ รวมไปถึงอินเดีย และสนใจเอาแบรนด์เราไปขาย มีหลายประเทศสนใจติดต่อเข้ามาในเชิงธุรกิจ อย่างประเทศฝรั่งเศสก็มี แต่สิ่งที่ริต้าโฟกัสในตอนนี้คือการทำแบรนด์ในประเทศไทยให้แข็งแรง และทำโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

ศรีริต้า เจนเซ่น เติบโตอย่างมั่นคง

 

ไม่อยากเป็นโฮลเซลส์ แต่เราอยากไปแบบโกลบอลแบรนด์ ไปแบบนั้นต้องมีพาร์ตเนอร์ ต้องมีการดีล ต้องลองเทอม เราอยากชัวร์ว่า แพ็กเกจรูปร่างหน้าตาเป็นแบบที่เราต้องการไหม อยู่ในสถานที่ที่เราอยากให้อยู่ด้วย เพราะอิมเมจของแบรนด์ดิ้งสำคัญ มีคนสนใจเข้ามาเรื่อยๆ การที่เราจะคุยกับใครได้ลงตัวมันเรื่องใหญ่มาก ซึ่งเราได้ศึกษาช่องทาง ตลอดจนเข้าไปพูดคุยกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแล้ว และยังมีการทำโรดโชว์ในแต่ละประเทศด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้าเราจะมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว”

เชื่อมั่นแล้วพลาดดีกว่าไม่ลงมือทำ

ก่อนที่จะก้าวไกลในระดับโลก เป้าหมายอันใกล้ของศรีริต้าคือนำผลิตภัณฑ์ เทียนหอม รูมสเปรย์ สบู่ โลชั่น แชมพู ครีมนวด แฮนด์ครีม บอดี้สครับ และผลิตภัณฑ์ชา เข้าสู่โรงแรมระดับไฮแอนด์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งภายในประเทศก่อน

“ตอนนี้เราเข้าศรีพันวาภูเก็ตมาได้ 1 ปีแล้ว และเราจะไปอีกหลายโรงแรม ให้คนได้ใช้ได้ชื่นชอบของเราจริงๆ ริต้าซีเรียสมากๆ กับการเติบโตอย่างมั่นคง อุปสรรคมีเยอะมาก แต่การหาของที่ดีที่สุดมาทำโปรดักต์ ริต้าให้ความสำคัญมาก และเราต้องการพัฒนาตลอด ที่ทำมาตลอด 3 ปี มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่มายด์เซตเราจะเปลี่ยนไป เราจะมองปัญหาไม่ใช่ปัญหา เราจะมองเป็นธรรมชาติ เป็นเรื่องที่สามารถแก้ได้ เกิดได้ทุกวัน เกิดก็แก้ได้ริต้ามีมายด์เซตที่สตรองมากตอนนี้”

ภาพของนักแสดงมาลุยงานธุรกิจมักจะถูกกังขาว่า ต้องมีหุ้นส่วนมือฉมังช่วยพยุง หรือร้ายหน่อยก็หุ้นลมเอาแค่ชื่อมาเอี่ยวแต่ไม่ได้ลงแรงลงความรู้ใดๆ หากสำหรับศรีริต้า ออกานิก้าคือธุรกิจที่เธอสร้างมากับมือตั้งแต่ต้น

“ริต้าไม่มีพาร์ตเนอร์ แล้วหาทีมรีครูตเข้ามา ปรัชญาของแบรนด์คืออะไร เราต้องถ่ายทอดทุกอย่าง ระหว่างทางสร้างแบรนด์มีปัญหามาตลอด เพราะไม่ได้จ้างบริษัทอื่นมาทำโปรดักต์ให้หมด แต่จุดเริ่มต้นมาจากเราทำเองหมด ถึงวันนี้คิดว่ามันแข็งแรงมาก เราเลยตั้งใจทุ่มงบการตลาด เพื่อผลักดันแบรนด์ แต่ในเรื่องของพาร์ตเนอร์ ถ้าวันหนึ่งจะไปในระดับโกลบอล พาร์ตเนอร์ต้องมีแน่นอน แต่ในเมืองไทยริต้าถือคนเดียว

ศรีริต้า เจนเซ่น เติบโตอย่างมั่นคง

 

ริต้าไม่ได้คิดแบบว่า เธอเก่งด้านดีไซน์มาช่วยหน่อย เธอเก่งด้านการตลาดมาช่วยหน่อย ริต้าดูเองหมด ริต้าเชื่อว่าคนเราสามารถเป็นคนเก่งได้เสมอถ้าเราเรียนรู้ ถ้าเราไม่เข้าใจการตลาดเราก็ศึกษาการทำตลาด ถ้าเราไม่เข้าใจการทำแบรนด์ดิ้งก็เรียนรู้ด้านการทำแบรนด์ดิ้ง เราไม่เข้าใจด้านการเงินก็เรียนรู้ด้านการเงิน ริต้าเชื่อว่าสมองของคนเนี่ยมันไม่มีลิมิต สมองของคนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา สามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา ริต้าเชื่อจริงๆ ค่ะ เหมือน 3 ปีที่เราทำมา ไอ้ที่ไม่รู้วันนั้นวันนี้ก็ได้รู้ รู้ทั้งทำผิดทำถูกบ้างมีหมดค่ะ มันมีทุกอย่างแต่ว่าถ้าเราไม่ทำเราไม่ลองเราไม่เสี่ยงเราไม่เชื่อมั่น เราเชื่อมั่นแล้วเราทำนี่แล้วเราพลาดยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

เลือกทำในสิ่งที่ชอบและคิดว่าดีที่สุด จะสนุกเรียนรู้และทำ “ทั้งสปาและร้านอาหารสุขภาพมันเป็นไลฟ์สไตล์ริต้า ริต้ารักธรรมชาติ รักต้นไม้ แล้วเรารู้สึกว่าเนี่ยเราอยากให้สิ่งนี้เข้ามาให้คนไทยสัมผัสใจกลางเมืองสุขุมวิท มีที่ที่เขารู้สึกว่าได้รีแลกซ์ คือไลฟ์สไตล์ของริต้า ถ้าให้ริต้าเลือกว่าเอาเพชรมาใส่คอ หรือเอาดอกกุหลาบที่วางบนโต๊ะ ริต้าเลือกเอากุหลาบที่วางบนโต๊ะ รู้สึกว่าความเป็นธรรมชาติอยู่ในหัวใจของริต้า ริต้าว่าถ้าเลือกเอากุหลาบทุกคนได้เอนจอยกับกุหลาบได้รับความสวยงามของธรรมชาติ เพราะทุกคนเกิดมาจากธรรมชาติ

เราอาจโดนสังคมมายด์เซตให้เป็นนั่นเป็นนู่นเป็นนี่ แต่ในที่สุดแล้วริต้าเชื่อว่าไลฟ์สไตล์ของริต้าคือธรรมชาติ ริต้าถึงตั้งชื่อว่าออกานิก้า ออกานิก้าเนเชอรัลออร์แกนิกเสมอ ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะในเรื่องของการกินดี กินอาหารเฮลท์ตี้ อาหารที่มาจากธรรมชาติ ทุกอย่างมันคล้องกันไปหมด ก่อนที่จะมีร้านเราไปกินร้านคนอื่นมาก่อน ริต้าเดินทางทั่วโลก อาหารก็ได้รับแรงบันดาลใจจากต่างประเทศบ้าง เออเขากินแบบนี้มันน่าสนใจมันอร่อยมันเฮลท์ตี้ เราก็เลยเอามาให้คนไทยสัมผัสค่ะ”

ก่อนที่ริต้าจะพาแบรนด์ออกานิก้ามาถึงทุกวันนี้ เธอผ่านการเรียนรู้ ลองถูกลองผิดมาด้วยตัวเอง เธอไม่เคยถอดใจ เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพที่ตัวเองมี ที่สำคัญเธอได้ตั้งใจและศึกษาเต็มที่แล้ว

“ก่อนเราทำอะไรเราต้องศึกษาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องศึกษาตลาดสำคัญมากๆ ศึกษาโปรดักต์ของเราเองว่าจุดแข็งของโปรดักต์มันแตกต่างจากตลาดยังไง ศึกษาคู่แข่งแล้วสิ่งสำคัญนี่จะทำอะไรก็ตามเราต้องหยิบยื่นสิ่งที่ตลาดยังไม่มีออกมาให้ได้ แล้วก็ทำอะไรก็ต้องทำเต็มที่

ริต้าเชื่อในด้านการศึกษาและเรื่องการรีเสิร์ชมาก และริต้าเชื่อในศักยภาพของคนไทย ริต้าเชื่อว่าคนไทยเก่งมากๆ แล้วก็มีนักธุรกิจที่เก่งแล้วริต้ายอมรับหลายคนเลย แล้วริต้ารู้สึกเทิดทูนและยอมรับเป็นเหมือนแม่แบบ แล้วริต้ามั่นใจว่าคนไทยเจเนอเรชั่นใหม่เนี่ยก็สามารถทำอะไรดีๆ เช่น พี่ยิ่ง (สรพจน์เตชะไกรศรี) ที่เขาทำตึกมหานคร อีกคนปลาวาฬ(วรสิทธิ์ อิสสระ) ศรีพันวา เป็นอีกคนหนึ่งที่ริต้ารู้สึกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เขามีแพสชั่น แล้วเขาทำจริงทำเต็มที่ ลงมาดูรายละเอียดทุกอย่างที่ทำ”

ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่พิเศษที่สุด ศรีริต้าจึงคาดหวังว่าออกานิก้าจะเติบโตอย่างแข็งแรงในประเทศไทย และก้าวไปไกลอย่างยั่งยืนเป็นอโรมาเทอราปีสปาบำบัดสัญชาติไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และสร้างความภาคภูมิใจให้กับธุรกิจสปาไทยในอนาคต