posttoday

เดินทาง...เพื่อเดินทาง

07 ธันวาคม 2559

ช่วงปลายปี เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่ทุกคนรอคอย ทั้งนี้ก็เพราะบรรยากาศต่างๆ เอื้อให้รู้สึกดี แสงไฟถูกประดับประดา

โดย...ปูปรุง ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ช่วงปลายปี เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่ทุกคนรอคอย ทั้งนี้ก็เพราะบรรยากาศต่างๆ เอื้อให้รู้สึกดี แสงไฟถูกประดับประดา มีวันหยุดยาวต่อเนื่องและยังเป็นช่วงเวลาของการส่งคำอวยพรหรือของขวัญไปยังมิตรสหายและผู้ที่เราระลึกถึง ในโอกาสนี้อีกเช่นกันที่หลายคนเลือกมอบของขวัญให้กับตัวเอง และหนึ่งในของขวัญยอดนิยมนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นการออกเดินทางท่องเที่ยว

ด้วยเพราะมีอาชีพอิสระ ฉันจึงสามารถมอบของขวัญให้กับตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยวันหยุดยาวเช่นคนอื่นๆ และปีนี้ “ทริปเชียงใหม่ 6 วันหน้าฝน” ก็คือของขวัญดังกล่าวและได้มอบให้ตัวเองไปแล้วเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจากการเดินทางครั้งนี้นี่เอง ทำให้ฉันได้รับของขวัญสำคัญอีกชิ้นหนึ่งแถมพ่วงมาด้วยค่ะ ของขวัญชิ้นนี้ชื่อว่า “การเรียนรู้วิธีที่จะมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง”

ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนอะไรที่เป็นปรัชญาให้ต้องตีความยากๆ กันนะคะ แต่อยากเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเชื่อว่าอาจสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างหรือมีประโยชน์สำหรับบางท่านบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องก็คือว่า ตลอดทริปซึ่งถูกจัดเตรียมแผนการเดินทางมาล่วงหน้า ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสเสน่ห์เชียงใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง และการมาเยือนเชียงใหม่ในวันฝนพรำนี้ก็มีข้อดีที่ชอบมากเลยคือ คนไม่เยอะ ซึ่งทำให้แต่ละสถานที่ต่างๆ นั้นมี “ที่ว่าง” ให้เราได้ซึมซับบรรยากาศสบายๆ ผลพลอยได้ตามมาคือสามารถเก็บ “ภาพจำ” สวยๆ ไว้ในกล้องได้มากมาย

ในช่วง 2-3 วันแรกนั้น พวกเราต่างสนุกและตื่นตาตื่นใจกับการได้เลือกมุมถ่ายรูปสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นเซลฟี่ตัวเองบ้าง หรือถ่ายรูปสถานที่เหล่านั้นบ้าง และด้วยโปรแกรมที่แพลนไว้แล้วและอยากเก็บให้หมด เราก็เลยไม่มีโอกาสใช้เวลานั่งชิลตามที่เหล่านั้นได้นานมากนัก (อันนี้อาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวก็ได้ค่ะ) สิ่งที่ทำได้ในเวลานั้นก็คือ เมื่อมาถึง--ก็ถ่ายรูปรัวๆ เสร็จสิ้นการถ่ายรูปรัวๆ ก็กลับมาดูรูปในกล้อง บางรูปสวยแล้วก็เก็บไว้ บางรูปไม่ดีก็ลบทิ้ง บางรูปก็ต้องปรับแต่งอีกนิดถึงใช้ได้ อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าคุณนึกภาพตามอยู่ก็คงเห็นภาพที่น่าตลกสิ้นดี นั่นก็คือ ภาพของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูรูปถ่ายในสมาร์ทโฟน ทั้งๆ ที่ภาพเหล่านั้นแท้จริงมันก็อยู่รอบๆ ตัวหรือตรงหน้านั้นแล้ว!!

จนกระทั่งวันที่ 3 ของทริป มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น ขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นหลักในหมู่บ้านแม่กำปอง และมันก็ทำให้ฉันหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนั้นทันที ซึ่งก็คือการมองภาพที่เห็นตรงหน้าผ่านเลนส์ของกล้องถ่ายรูป!! ความคิดนี้ส่งผลให้ฉันเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพลงเป้พร้อมกับคำถามที่ถามตัวเองว่า “ทำไมไม่ใช้เวลาซึมซับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาตัวเองล่ะ?

อาจจะจริงที่มีคำพูดบอกว่า “ภาพถ่าย” สามารถแทนคำอธิบายได้มากกว่าการจดบันทึก แต่ความจริงอีกอย่างที่เราอาจลืมนึกไปก็คือ เมื่อเราหยุดถ่ายรูปเสียบ้างเราอาจจะได้รับบันทึกดีๆ บทหนึ่งซึ่งไม่ต้องเขียน แต่มันจะถูกประทับไว้ในความทรงจำ และบางทีบันทึกบทนั้นก็กำลังสร้างความรับรู้สิ่งที่โลกกำลังจะบอกเรา ให้เราได้พบมุมงามของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกมากมาย

สำหรับตัวเองแล้ว เชื่อว่าการเดินทางมีความหมายคนละแบบกับการไปเที่ยว เพราะการเดินทางไม่ใช่แค่การฝากรอยเท้าไว้แล้วจากมา หรือคือการไปเยือนเพื่อจะมีเพียงรูปถ่ายไว้เก็บหรือเช็กอินในโซเชียลแอพพลิเคชั่น แต่การเดินทางเป็นการใช้เวลาของเราเพื่อซึมซับบรรยากาศตรงหน้าให้เต็มที่ไม่ว่าจะถึงจุดหมายแล้วหรือไม่ มันควรหมายถึงการออกไปเพื่อค้นพบแรงบันดาลใจว่าตัวเองต้องการอะไร มีความสุขแท้จริงกับสิ่งไหนแล้วกลับบ้านเพื่อค้นหาสิ่งนั้นให้เจอ

อีกไม่กี่วันก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ถ้าของขวัญที่คุณอยากมอบให้กับตัวเองครั้งนี้คือการออกเดินทางท่องเที่ยว ก็ขอให้คุณสนุกกับการพักผ่อนครั้งนี้นะคะ อย่าเผลอไผลให้เทคโนโลยีพาออกนอกเส้นทางมากจนเกินไปเหมือนที่ฉันเคยเป็น >.<

“The real voyage of discovery consists not in seeking new landscapes but in having new eyes.” – Marcel Proust