จาด้า อินโตร์เร สาวสวยจิตอาสา
นักแสดงวัยรุ่นสวยน่ารักตามแบบฉบับลูกครึ่ง “จาด้า อินโตร์เร” นางเอกสายเลือดใหม่ ช่อง 7 สี
โดย...วรธาร ภาพ... กิจจา อภิชนรจเรข
นักแสดงวัยรุ่นสวยน่ารักตามแบบฉบับลูกครึ่ง “จาด้า อินโตร์เร” นางเอกสายเลือดใหม่ ช่อง 7 สี มิใช่งามแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสดใสสบายตา และมิได้มีดีแค่ความสามารถด้านการแสดงเท่านั้น แต่ข้างในจิตใจของเธอแสนจะงดงามด้วยอุปนิสัยร่าเริงสนุกสนาน และมีจิตใจอ่อนโยนชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอด้วยการเป็นจิตอาสาในโครงการต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เรียนปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จนกระทั่งเรียนจบและมาเป็นนักแสดง ก็ยังไม่ทิ้งกิจกรรมอาสา พยายามหาเวลาว่างทำอยู่ตลอด เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่เธอทำแล้วมีความสุข โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ไปช่วยเหลือ
รักการทำกิจกรรมและจิตอาสา
ในวัยเด็กจาด้ากล้าแสดงออก มีความสนุกสนานเฮฮาน่ารักในตัว พอเข้าเรียนประถมและมัธยมก็กลายเป็นเด็กกิจกรรม โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีศิลปะในการเข้าหาผู้คน ทุกกิจกรรมของโรงเรียนไม่ว่าจะร้องรำทำเพลงหรืออะไรก็ตาม มักไม่พลาดที่จะมีเธอเข้าร่วมด้วยเสมอ จนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เธอได้สัมผัสกับโครงการจิตอาสาครั้งแรก และจาด้าหลงรักในการเป็นจิตอาสาเรื่อยมา กระทั่งนำมาสู่การตั้งกลุ่ม “อาสาสร้างสัน” โดยมีสมาชิกประมาณ 13 คน และพอมาเป็นนักแสดงที่เวลาว่างไม่แน่นอนก็เลือกมาทำคนเดียว
จาด้า เล่าว่า การไปออกค่ายจิตอาสาของมหาวิทยาลัยครั้งแรก ก็ทำให้หลงรักการเป็นจิตอาสาเต็มๆ และรู้สึกว่าการเป็นจิตอาสาคือตัวตนของเธอ เนื่องจากได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ถนัดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านการสอนหนังสือ ที่สามารถถ่ายทอดได้หลายเรื่องหลายวิชา อาทิ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ศิลปะ โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัยและโภชนาการอาหาร เนื่องจากเรียนทางด้านนี้มาโดยตรง
“ตอนนั้นเรียนอยู่ปีหนึ่ง ค่ายแรกที่ไปน้องๆ ซนมาก เช่น เจาะหูกันเอง จาด้าสอนภาษาอังกฤษก็ถามน้องๆ ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรกัน มีคนหนึ่งบอกอยากเป็นโจร ภาษาอังกฤษต้องพูดยังไง ก็ถามน้องว่า อ้าว ทำไมอยากเป็นโจรล่ะ เขาบอกว่าเป็นโจรง่ายดี ฟังแล้วอึ้งไม่คิดว่าเด็ก (บางคน) จะคิดอย่างนี้
ก็สอนเขาหลายอย่าง แต่พอถึงวันสุดท้ายที่ต้องเดินทางกลับ น้องคนนั้นเดินมาหาแบบอายๆ บอกเราว่าพี่ครับผมไม่อยากเป็นแล้วนะโจร อยากเป็นแบบพี่ เซอร์ไพรส์มาก คือตอนสอนจาด้าจะบอกเขาตลอดว่าการเรียนสำคัญที่สุด ถ้าอยากมีอนาคต อยากมีงานทำที่ดีต้องตั้งใจเรียนเหมือนพี่ ที่ตอนนี้ก็ตั้งใจเรียนจะได้มีอนาคตที่ดี พอน้องพูดอย่างนี้ก็รู้สึกดีใจที่คำพูดเราสร้างแรงบันดาลใจให้เขา นี่คือความประทับใจของการออกค่ายอาสาครั้งแรก” เธอเล่าความประทับใจกับการออกค่าย
จาด้า เล่าต่อว่า นอกจากกิจกรรมอาสาของมหาวิทยาลัยที่ทำทุกปีแล้ว เธอยังได้ร่วมกับเพื่อนๆ ก่อตั้ง “กลุ่มอาสาสร้างสัน” ขึ้นมา โดยมีสมาชิกทั้งหมด 13 คน มีคนหนึ่งที่เป็นหลักโดยเป็นรุ่นพี่ในวิทยาลัยนานาชาติที่คอยประสานงานกับมูลนิธิกระจกเงาในการหาโรงเรียนเป้าหมายที่จะไปออกค่าย
“ในการทำงานกลุ่มอาสาสร้างสัน เราเปิดบัญชีกลุ่มขึ้นมาเพื่อหาทุนไปทำ รายได้มาจากสปอนเซอร์เป็นหลัก จากบริษัทห้างร้านที่สมาชิกแต่ละคนรู้จักคุ้นเคยก็ไปขอสนับสนุนมา ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือดีมาก และจากการเปิดหมวกอีกทางหนึ่ง
พอได้เงินมาก็ประสานมูลนิธิกระจกเงา หาโรงเรียนและหมู่บ้านเป้าหมาย จำได้ว่า ค่ายแรกของกลุ่มคือบ้านพะละอึ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ในพื้นที่กันดารมาก เราไปเซอร์เวย์มาก่อน เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าและไกลจากแหล่งน้ำมาก พวกเขาขาดแท็งก์น้ำที่จะเก็บน้ำไว้ใช้เราก็จัดหาไปให้ นั่งรถทัวร์ไป 12 ชั่วโมง ต่อสองแถวอีก 4 ชั่วโมง นั่งเรืออีกชั่วโมงกว่า เป็นงานอาสาที่สนุกมาก โดยเราใช้กีฬาเป็นหลักในการสื่อสัมพันธ์ เนื่องจากเด็กๆ พูดไทยไม่ค่อยได้”
จากนั้นเธอก็ร่วมทำกิจกรรมกลุ่มมาเรื่อยๆ แต่สองปีมานี้ไม่ได้ไปร่วม เนื่องจากพอมาเป็นนักแสดงทำให้เวลาว่างไม่แน่นอนและไม่ตรงกัน แต่กระนั้นเธอก็ไม่เคยทิ้งกิจกรรมเหล่านี้ พยายามหาโอกาสและเลือกกิจกรรมหรือโครงการอาสาที่อยู่ใกล้ๆ ที่ไม่ต้องเดินทางไกล โดยการเสิร์ชหาโครงการในเฟซบุ๊กของธนาคารจิตอาสา (JitArsa Bank)
“ล่าสุดจาด้าไปสร้างรางปลูกผัก ขุดบ่อเลี้ยงกบให้กับคนไร้บ้าน ที่ชุมชนคนไร้บ้านแถวย่านพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่นี่ก็ทำพวกนี้อยู่แล้ว คือ ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ แต่เมื่อเขาต้องการจิตอาสาหนูก็สมัครไปช่วยอีกแรง คนที่นี่น่าสงสารไม่มีบัตรประชาชน ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ อาชีพเขาก็เลยต้องปลูกผัก เลี้ยงสัตว์เพื่อขายหาเงินเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว
อีกโครงการที่ทำคือ ตากล้องรุ่นใหม่หัวใจสีขาว เป็นจิตอาสาพาเด็กป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไปเที่ยว ไม่เชิงเป็นตากล้องให้เด็ก แต่เป็นเหมือนบัดดี้พาน้องเดินเล่น เที่ยวและถ่ายรูปกัน มีเด็กป่วย 20 คน จาด้าจับคู่กับเด็กสองคนเป็นเด็กพี่น้องกัน
นอกจากนี้ ก็มีอีกหลายโครงการ เช่น ไปให้ความสุขคุณตาคุณยายที่บ้านมีรัก เนอร์สซิ่งโฮม (สถานพักฟื้นผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะพักฟื้น) กับพี่สาว ไปอาบน้ำให้ วาดรูป ร้องเพลง เล่นดนตรีให้คุณตาคุณยายฟัง ท่านมีความสุขมาก เราเห็นก็มีความสุขไปด้วย”
มีในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแรงบันดาลใจ
นางเอกลูกครึ่งเล่าความรู้สึกกับการทำงานจิตอาสาว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการเป็นจิตอาสาไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป แต่ทุกคนสามารถใช้แรงกาย ความรู้ความสามารถและศักยภาพของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องลงอะไร เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ เพราะทั้งหมดทำด้วยใจทั้งสิ้น ส่วนตัวไม่ได้หวังอะไรตอบแทน แต่ต้องการใช้ศักยภาพของตัวเองและหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังในการคิดช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เต็มที่เท่านั้น
“จาด้าทำตรงนี้ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีคุณค่า เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่มีจิตทำเพื่อคนอื่นอย่างเดียวให้เขามีความสุข ในประเทศไทยเราจาด้าอยากให้มีจิตอาสาเยอะๆ จะช่วยให้สังคมมีความสุข น่าอยู่ขึ้น ผู้คนรักใคร่สามัคคีกันมากขึ้น และจาด้าก็เชื่อว่ามีคนแบบหนูเยอะแต่ไม่เปิดเผยตัว หลายคนเป็นผู้ปิดทองหลังพระ ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทย แม้จะทรงเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยตรัสว่าเหนื่อย ทรงมีพระชนม์อยู่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง”
จาด้า กล่าวว่า มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้เธอทำตรงนี้อย่างต่อเนื่อง และทำอย่างมีความสุข พระองค์ทรงงานหนักมานาน แต่ไม่เคยออกพระโอษฐ์ว่าทรงเหนื่อย และแม้จะมีอุปสรรคปัญหาก็ไม่ทรงท้อพระทัย ทรงพยายามหาทางทำให้สำเร็จจนได้ ซึ่งเธอก็อยากทำให้ได้อย่างพระองค์ แค่ในเศษเสี้ยวของที่พระองค์ทรงทำก็ยังดี แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว
ท้ายสุดนี้ จาด้าฝากให้ทุกคนติดตามผลงานละครของเธอที่กำลังออนแอร์ตอนนี้ เป็นละครเรื่องแรก เรื่องคู่ป่วนก๊วนกวนผี ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-09.45 น. ทางช่อง 7 สี (ช่อง 35 ในระบบ HD) อีกเรื่องกำลังถ่ายทำคือ สื่อสองโลก ซึ่งเธอรับบทเป็นสาวที่มีสัมผัสพิเศษได้ยินเสียงวิญญาณตั้งแต่เด็ก ลงจอแก้วเมื่อไหร่อย่าลืมให้กำลังใจเธอ