คอนเต...หัวใจสิงห์บลู ผงาดแชมป์สมัย 6
นับเป็นการเปิดตัวฤดูกาลแรกของ อันโตนิโอ คอนเต ได้อย่างงดงาม หลังพาทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
โดย...นูโน่
นับเป็นการเปิดตัวฤดูกาลแรกของ อันโตนิโอ คอนเต ได้อย่างงดงาม หลังพาทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี บุกไปชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-0 เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค. ฉลองแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 6 แม้ยังเหลืออีก 2 นัด
อดีตนายใหญ่ยูเวนตุสเข้ามาสแตมฟอร์ดบริดจ์ พร้อมกับภารกิจฟื้นฟูทีม ซึ่งไร้ความเป็นหนึ่งและไม่เชื่อฟังคำสั่งจนนำมาสู่การปลด โจเซ มูรินโญ และจบอันดับ 10 ในฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะเปลี่ยนเชลซีที่ตกต่ำกลับมาผงาดอีกครั้ง ด้วยผู้เล่นชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่
“มันไม่ง่ายเลยสำหรับผมในการมาอังกฤษ และพยายามปรับตัวกับธรรมเนียมที่แตกต่าง ภาษาที่แตกต่าง และนักเตะ หลังมีฤดูกาลที่ย่ำแย่ นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สำหรับนักเตะ ผมขอบคุณพวกเขาสำหรับการทุ่มเททำงานและหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่” คอนเต กล่าว
ย้อนไปช่วงต้นฤดูกาลในเดือน ก.ย. สิงห์บลูเก็บได้แค่แต้มเดียว หลังแพ้ทั้งลิเวอร์พูล 1-2 และอาร์เซนอล 0-3 ซึ่ง คอนเต ตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่นระบบกองหลัง 3 คน และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
“การตัดสินใจครั้งนั้นเปลี่ยนฤดูกาลของเรา เรามีการเปลี่ยนแปลงและเจอรูปแบบใหม่ที่เหมาะกับทีมของเรา ใจผมเลือกจะใช้ระบบ 3-4-3 เพราะรู้ว่าผมมีนักเตะที่เล่นได้” คอนเต เผยถึงกุญแจสำคัญ
หลังจากนั้น ลูกทีมของ คอนเต คว้าชัยชนะติดต่อกัน 13 นัดรวด รวมถึงการถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 พร้อมกับการได้รับความเคารพจากนักเตะในทีม ซึ่งเห็นได้จากบรรยากาศการฉลองแชมป์หลังสิ้นเสียงนกหวีดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยแต่ละคนได้เข้ามาสวมกอดนายใหญ่ ก่อนจะร่วมกันโยนตัว คอนเต ด้วยความสุข
“ทุกๆ เกมผมรู้สึกเหมือนเล่นไปกับนักเตะ ผมแสดงถึงความรัก ความปรารถนาที่จะอยู่กับนักเตะของผมในทุกช่วงเวลาของการแข่งขัน นี่คือผม ไม่ว่าจะปัจจุบัน หรืออดีต ผมอยู่กับนักเตะของผมทั้งในสถานการณ์ที่ดีและแย่ เราคว้าแชมป์นี้ด้วยกัน”
เกมที่เดอะฮอว์ธอร์น เชลซีทำท่าจะต้องยืดเวลาลุ้นแชมป์ออกไปอีก ด้วยการเสมอไร้สกอร์ แต่แล้วอดีตนายใหญ่ทีมชาติอิตาลีก็ตัดสินใจส่ง มิชี บาตชัวยี ลงมาแทน เปโดร ในนาที 76 และเพียง 6 นาที เขาก็สวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยที่รอคอย และนำมาสู่ฉายา “ฮีโร่ที่คาดไม่ถึง” ทางทวิตเตอร์
“ความสวยงามของฟุตบอลคือ นักเตะคนหนึ่งที่ไม่ได้ลงเล่นบ่อยนักยิงประตูชัยเพื่อคว้าแชมป์” เชส ฟาเบรกาส กล่าว
มิชี บาตชัวยี
ความสำเร็จของ คอนเต ยังได้รับการยกย่องจาก โทนี ปูลิส กุนซือเวสต์บรอมวิช อย่างมาก ทั้งในแง่ของการกระตุ้นลูกทีมข้างสนามและการปรับแท็กติกเมื่อเกมไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
“พวกเขาคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ พวกเขาอาจจะออกสตาร์ทไม่ดี และ คอนเต ต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เขาทำมันให้เป็นทีมของเขา ทีมอิตาเลียนที่มีแท็กติกและการทำงานที่ดี เขาปรับเปลี่ยนรูปแบบและกลายเป็นสุดยอดทีมตั้งแต่นั้นมา” ปูลิส กล่าว
ทั้งนี้ คอนเต เป็นกุนซือเพียงคนเดียวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ใช้สิทธิเปลี่ยนตัวครบทั้ง 3 คนในทุกเกมลีก ขณะที่ เอ็นโกโล ก็องเต เป็นนักเตะอีกคนที่ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกันกับ 2 สโมสร เช่นเดียวกับ แอชลีย์ โคล, เฮนนิงเบิร์ก, โคโล ตูเร, กาแอล กลิชี และ โรเบิร์ต ฮูธ
สิงโตน้ำเงินคราม ซึ่งนำเป็นจ่าฝูงตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. คว้าชัย 28 ใน 36 แมตช์ ซึ่งรวมถึง 9 ใน 11 นัดล่าสุด มี 87 แต้ม ทิ้งห่างสเปอร์ส ซึ่งยังเหลืออีก 3 นัด 10 แต้ม โดยยังมีลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ อีกใบ ในการเจอกับอาร์เซนอล นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ วันที่ 27 พ.ค. ซึ่งไม่มีเป้าหมายอื่นใดสำหรับ คอนเต นอกจากการคว้าดับเบิ้ลแชมป์
“นักเตะของผมแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ในการพยายามจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนี้ เราไม่ได้โชคดี เราทำได้ยอดเยี่ยม มันสำคัญที่ได้พัก มันคือฤดูกาลที่ดีเยี่ยม แต่ตอนนี้เรายังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้อีก”
ด้าน “แอ๊ด คาราบาว” หรือ ยืนยง โอภากุล ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่มีหุ้นในเครื่องดื่มคาราบาวแดง ผู้สนับสนุนของเชลซี ได้แสดงความยินดีกับสิงห์บลูผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมเผยเตรียมไปมอบถ้วยลีกคัพด้วยตัวเอง
อันโตนิโอ คอนเต
สถิติเบื้องหลังการคว้าแชมป์
- เชลซีคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 6 และเป็นสมัยที่ 5 ของยุคพรีเมียร์ลีก โดยมีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (13) ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากกว่า
- เชลซีเป็นสโมสรแรกในลีกสูงสุดอังกฤษ ที่คว้าแชมป์ในคืนวันศุกร์ นับตั้งแต่อาร์เซนอลทำได้ในแอนฟิลด์ เมื่อปี 1989
- คอนเต เป็นกุนซืออิตาเลียนคนที่ 4 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ, โรแบร์โต มันชินี และ เคลาดิโอ รานิเอรี
- คอนเต นับเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ที่ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามารับงาน ต่อจาก โจเซ มูรินโญ (2004-05), อันเชล็อตติ (2009-10) และ มานูเอล เปเยกรินี (2013-14)
- เชลซีได้ประตูจากการยิงครั้งที่ 23 ในเกมกับเวสต์บรอมวิช
- นักเตะเบลเยียมยิงประตูชี้ชะตาแชมป์ใน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา (บาตชัวยี v เวสต์บรอมวิช ในปี 2016-17, เอเดน อาซาร์ v สเปอร์ส 2015-16 ซึ่งส่งให้เลสเตอร์คว้าแชมป์ และ v คริสตัล พาเลซ 2014-15)