แต่งงาน

โดย...พรเทพ เฮง [email protected] ภาพ : ปีเตอร์ อดัมส์-ฌอน

 ได้เห็นภาพและแนวความคิดอันเจิดจรัสของช่างภาพชาวออสเตรเลีย ปีเตอร์ อดัมส์-ฌอน ซึ่งโด่งดังทั่วโลกจากผลงานการถ่ายภาพคู่รักหรือคู่บ่าวสาวสะท้อนจากดวงตาของอีกฝ่าย และชุดภาพถ่ายคู่รักสะท้อนจากแหวนแต่งงาน

 ต้องอุทานออกมาว่า คิดได้ไง อย่างเก๋ไก๋และไม่เหมือนใคร ดูง่ายๆ แต่มีรหัสนัยซ่อนลึกซึ้งและใช้เทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงที่ให้ออกมาดูดี แต่กระบวนการคิดให้ตกผลึกออกมาเป็นไอเดียนี่สิสำคัญ

 แน่นอน การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งได้ ต้องมีงานแต่งงานของคนสองคนเกิดขึ้น เป็นพิธีการซึ่งบุคคลสองคนรวมเข้ากันในการสมรสหรือสถาบันที่คล้ายกัน ประเพณีและจารีตประเพณีแตกต่างกันมากตามวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนา ประเทศ และชนชั้นทางสังคม

 พิธีการแต่งงานส่วนมากเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนคำสาบานแต่งงานโดยคู่สมรส การมอบของขวัญ (ของถวาย แหวน สิ่งที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ ดอกไม้ เงิน) และการประกาศการแต่งงานสาธารณะโดยผู้มีอำนาจหรือผู้นำ คู่สมรสมักสวมชุดแต่งงานพิเศษ และมักตามด้วยงานเลี้ยงแต่งงาน (Wedding Reception)

 การแต่งงานเป็นประเพณีที่สำคัญสำหรับวิถีชีวิตไทย เพราะเป็นการบ่งบอกว่าผู้ที่แต่งงานนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความรับผิดชอบมากขึ้น และพร้อมที่จะเป็นครอบครัว รับผิดชอบชีวิตอีกหลายคนเพิ่มขึ้นนอกจากชีวิตของตนเอง และยังได้ทำหน้าที่แสดงความสามารถตามบทบาทของตนเองในฐานะหัวหน้าของครอบครัว

 ดังนั้น การแต่งงาน หมายถึง การที่ชาย-หญิงของไทย มีความรักใคร่ต่อกันจนสุกงอม มีความเห็นอกเห็นใจกันและพร้อมที่จะดำเนินชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัวอย่างสามีภรรยา จึงจำเป็นต้องแต่งงานกัน หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่าการแต่งงานนั้นเป็นการบำบัดความต้องการทางเพศของมนุษย์ก็ได้ แต่ให้เป็นไปตามประเพณีของสังคม มีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยอมรับและสังคมต้องรับรู้ด้วยเช่นเดียวกัน

 ปัจจุบัน 98% ของคู่แต่งงานในเมืองไทยต้องมีภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง ไอเดียหรือแนวความคิดหลัก 5 สไตล์ ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ 1.เพลย์ฟูล (Playful) สไตล์นี้เป็นแนวขี้เล่น น่ารัก เน้นฟีลลิ่งสนุกล้วนๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ของคู่แต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการหยิบของเล่น ของใช้ และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ หรือสนุกสนานท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในแบบต่างๆ ซึ่งจะเน้นบรรยากาศทำให้คนชมแล้วอมยิ้มกับความน่ารักขี้เล่น

 2.เมสเสจ ออฟ เลิฟ (Message of Love) เป็นการถ่ายภาพโดยมีข้อความน่ารักๆ อยู่ในภาพด้วย ซึ่งช่วยทำให้ภาพดูมีมิติและเรื่องราวมากขึ้น ไม่ราบเรียบจนเกินไป หรือจะใส่เป็นข้อความที่มีความหมายสำหรับคู่แต่งงานเฉพาะสองคน

 3.บอดี้ แลงเกจ (Body Language) สไตล์การกดชัตเตอร์ขณะกำลังเคลื่อนไหว ทำให้ดูมีมูฟเมนต์เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่จะเหน็ดเหนื่อยกับการต้องทำซ้ำในอิริยาบถต่างๆ แต่จะได้ภาพที่สวยๆ และร่าเริง

 4.เลิฟ ไลค์ อะ ไชลด์ (Love Like A Child) เน้นความเป็นเด็ก มีการเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงวัยเด็ก เช่น สวมหน้ากาก เล่นกับตัวแมสคอต มีลายเส้นภาพง่ายๆ แบบเด็กๆ หรือแต่งชุดนักเรียน อาจจะเป็นชุดเด็กอนุบาลก็ได้

 5.เพียว จอย (Pure Joy) เน้นการถ่ายในโมเมนต์หวานๆ แฮปปี้ๆ ของคู่รักเป็นหลัก และต้องถ่ายเทกเดียวผ่าน เพื่อจะได้ความสดและลดความเขินอายของคู่แต่งงาน เป็นความโรแมนติกหวานเจี๊ยบที่ใครเห็นต้องอิจฉา

 ทั้งหมดเป็นพื้นฐานที่จะให้รูปภาพถ่ายพรีเวดดิ้งออกมาดูดี แต่ยิ่งไปกว่านั้น หากจะประสบความสำเร็จในการแต่งงานขั้นสูงสุดของผู้คนยุคนี้ก็คือ ภาพถ่ายไอเดียแหวกๆ เมื่อแชร์เผยแพร่ต่อสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดีย แล้วได้รับการกล่าวถึง กดถูกใจ ไลค์และแชร์กันจนเป็นทอล์ก ออฟ โซเชียลได้ นั่นคือความฟินที่งานแต่งไหนๆ ของคู่บาวสาวใดๆ ก็อยากไปยืนตรงจุดนั้น