สิงห์ปาร์ค เชียงราย หนุนศิลปะไทยสู่เวทีโลก ผ่านโครงการ "นำศิลปินไทยสู่สากล"
เพื่อสนับสนุนศิลปินไทยที่มีผลงานโดดเด่น ให้มีโอกาสพิสูจน์ความสามารถสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติในเวทีระดับสากล
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานเพื่อสังคมไทยอย่างแท้จริง "สิงห์ปาร์ค เชียงราย" ภายใต้ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จึงมุ่งผลักดันวงการศิลปะไทยให้ก้าวไกลสู่ต่างประเทศ ผ่านโครงการ "นำศิลปินไทยสู่สากล" เพื่อสนับสนุนศิลปินไทยที่มีผลงานโดดเด่น ให้มีโอกาสพิสูจน์ความสามารถสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติในเวทีระดับสากล
นอกจากจะดำเนินโครงการทางการเกษตรและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว สิงห์ปาร์ค เชียงราย ยังมีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดและเพิ่มมิติให้กับการดำเนินงานเพื่อสังคมในด้านศิลปะอีกด้วย โดยโครงการ "นำศิลปินไทยสู่สากล" เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย จัดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนศิลปินไทยที่มีผลงานโดดเด่น ให้มีโอกาสพิสูจน์ความสามารถสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งปีที่แล้วนับเป็นครั้งแรกที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้สนับสนุนศิลปินไทยให้ไปโชว์ผลงาน โดยคุณบรรเจิด เหล็กคง เป็นศิลปินไทยคนแรกที่ไปโชว์ผลงานที่ Agora Gallery แกลเลอรีระดับแนวหน้าของนิวยอร์ก ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
โดยในปีนี้ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้แนะนำ คุณสัจจา สัจจากุล ศิลปินผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการเขียนภาพหลากหลายเทคนิค ศึกษาและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแนววิพากษ์สังคม (Social Critic) มากว่า 30 ปี โดยผลงานได้ถูกนำไปจัดแสดงที่ Agora Gallery ใช้ชื่อชุดว่า "Sensorial Reality" จำนวนทั้งสิ้น 12 ชิ้นด้วยกัน
ศิลปะคืองานสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่การเขียนภาพเหมือน
คุณสัจจา สัจจากุล หนุ่มชุมพรเจ้าของฝีมือลายเส้นสุดประณีตที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เขาหลงใหลในศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเขาเริ่มวาดรูปตามปกหนังสือ "มิตรครู" ซึ่งเป็นลายเส้นพระมหากษัตริย์รัชกาลต่างๆ ภาพทศกัณฑ์ หนุมาน ต่อมาได้ฝึกภาพเหมือนบุคคล ดารา เรื่อยมา จนความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเขามีโอกาสได้อ่านหนังสือชื่อ "ไฟศิลป์" ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวประวัติของวินเซ็นต์ แวนโก๊ะ ทำให้ความคิดของเขาที่มีต่อศิลปะเปลี่ยนไปว่า ศิลปะคืองานสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่การเขียนภาพเหมือน ทำให้เขาตั้งใจสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป์ วังหน้า และเอ็นทรานส์เข้าเรียนที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อีกทั้งยังได้ร่ำเรียนกับอาจารย์ที่เป็นศิลปินชื่อดังอีกหลายท่านด้วย
นอกจากนี้ คุณสัจจายังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานเชิงพาณิชย์มากมาย โดยเข้าทำงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณา ตำแหน่ง Visualizer ออกแบบโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ เขียน Storyboard ถ่ายโฆษณา จนออกมาตั้งบริษัทโปรดักชั่นเล็กๆ ของตัวเองร่วมกับภรรยา พอเข้ายุคฟองสบู่แตกในปี 2540 งานที่เคยเฟื่องฟูก็ซบเซา ทำให้มีเวลาได้นั่งคิดทบทวนว่าน่าจะใช้โอกาสนี้เริ่มทำให้สิ่งที่ตัวเองหวังไว้ คือ เปิดรับสอนศิลปะที่บ้านไปพร้อมๆ กับเริ่มทดลองเขียนรูปในแนวที่ชอบนั่นก็คือแนววิพากษ์สังคม และแนว Symbolism เรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคน สัตว์ กับธรรมชาติ
หลังจากเขียนงานได้ 5-6 ปี คุณสัจจาก็เริ่มยื่น Portfolio ไปขอร่วมแสดงในแกลเลอรี่เอกชนหลายที่ แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "งานของคุณนั้นดูหนักไป ดูเครียด" เขาก็ได้น้อมรับคำติติงต่างๆ แล้วพยายามพัฒนางานมาอย่างต่อเนื่อง จนปี 2557 คุณสัจจาเริ่มทำผลงานชุดใหม่ที่ชื่อว่า "Pictorial Mind" ซึ่งเป็นงานแนววิพากษ์สังคม แสดงถึงเรื่องราวของจิตใจมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากงานวรรณกรรมและจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยมองทะลุเหตุการณ์เข้าไปจับที่แก่นสาระสำคัญ แล้วผูกเรื่อง คิดวางโครงสร้างขึ้นมาใหม่ วิธีนี้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทุกกระบวนการ ผลงานชุดนี้จึงสามารถเข้าถึงหัวใจมนุษย์ทุกๆ คนได้โดยตรง
โดยผลงานที่นำไปจัดแสดงในครั้งนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจของคุณสัจจาที่อยากทดลองสร้างรูปแบบงานศิลปะที่เป็นแนวทางของตัวเอง คือ ศิลปะแนววิพากษ์สังคม (Social Critic) โดยเริ่มจากเขียนภาพ Our Standing และ Your History เป็นการให้ภาพของสังคมโลกโดยรวม จากนั้นก็พัฒนางานมาเรื่อยๆ จนเป็นงานชุดใหม่Toxic ซึ่งพูดถึงวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่แปดเปื้อนด้วยพิษภัยต่างๆ จากเทคโนโลยีและความล้ำสมัย ต่อด้วย Combative ที่กล่าวถึงท่าทีของสังคมไทยที่ก้าวออกไปแข่งขัน เผชิญกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเชี่ยวกรากด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร ตามด้วย The Bravery และภาพ self Portrait ชื่อ Hallucination แสดงอารมณ์สะท้าน หวาดหวั่น ต่อความเปลี่ยนแปลงของอนาคตที่เราไม่ควบคุมได้ ซึ่งผลงานที่เขาชอบที่สุดคือ Toxic ซึ่งใช้วิธีวิธีผสมผสานรูปแบบ Surrealism เข้ากับ Neo Realism มีการย้อมบรรยากาศของภาพด้วยสีแดงเพื่อให้อารมณ์สัมพันธ์กับเนื้อหา ซึ่งเป็นผลงานที่เป็นแนวทางของคุณสัจจาอย่างสมบูรณ์ที่สุด
"ความใฝ่ฝันของผมในฐานะศิลปิน คือต้องการสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีแนวทางเป็นตัวของตัวเอง และต้องมีเนื้อหาเรื่องราวที่แสดงถึงจิตใจของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นภาพสะท้อนที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทย ต่อโลก ต่อผู้คนทั้งหมดด้วย...ผมยังรู้สึกตื้นตันมาก เพราะเป็นโอกาสที่จะได้นำเสนอแนวความคิดของงานศิลปะที่เป็นแนวทางใหม่ๆ ของคนไทยที่มีความร่วมสมัยทั้งเนื้อหาและรูปแบบออกไปเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้เห็น และได้แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้ชมในเวทีระดับโลก ผมต้องขอขอบคุณสิงห์ปาร์คที่ให้โอกาสสำคัญนี้ ขอบคุณโครงการดีๆ เช่นนี้ ที่ให้โอกาสกับศิลปินไทยครับ"
นับเป็นอีกครั้งแห่งความภาคภูมิใจที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้สนับสนุนศิลปินไทย ให้มีโอกาสนำผลงานไปจัดแสดงในเวทีระดับโลกเช่นนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเสพศิลปะดีๆ และโครงการจากสิงห์ปาร์ค เชียงราย สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.singhapark.com/