posttoday

ช้างศึกเป็นรอง

26 สิงหาคม 2560

ทัพนักเตะไทย ต้องพบศึกหนักเจอ เมียนมา ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่มาจากทีมชุดสร้างประวัติศาสตร์ และยังเป็นรองเรื่องสภาพความฟิตที่ได้พักน้อยกว่าถึง 3 วัน

โดย...ชมณัฐ

ทัพนักเตะไทย ต้องพบศึกหนักเจอ เมียนมา ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่มาจากทีมชุดสร้างประวัติศาสตร์ และยังเป็นรองเรื่องสภาพความฟิตที่ได้พักน้อยกว่าถึง 3 วัน ในรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลชาย ซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย วันนี้ (26 ส.ค.)

ไทย - เมียนมา สนามเซลายาง  เวลาไทย 15.00 น. (ช่อง 7 ถ่ายทอดสด)

ทีมชาติไทยต้องเจองานหนักในรอบตัดเชือก เพราะเมียนมาชุดนี้คุมทัพโดย เกิร์ด ซิเซ เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ซึ่งเคยสร้างประวัติศาสตร์พา “สิงโตทอง” ผ่านเข้าไปเล่นศึกฟุตบอลโลก ยู-20 ที่นิวซีแลนด์ เมื่อปี 2015 มาแล้ว และนักเตะส่วนใหญ่ของทีมก็เลื่อนขั้นขึ้นมาจากทีมชุดดังกล่าวแทบยกกระบิ นำทัพโดย อ่อง ธู ศูนย์หน้าตัวเก่งที่ยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว 4 ประตู พาทีมผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มเอ มี 9 คะแนน จากผลงานแข่ง 4 นัด ชนะ 3 นัด เหนือสิงคโปร์ 2-0, ลาว 3-1, บรูไน 6-0 และปราชัยต่อ “เจ้าภาพ” มาเลเซีย 1-3 เพียงทีมเดียว

ที่สำคัญยังเป็นชุดเดียวกับที่เคยถล่มทีมไทย ในศึกยู-19 ชิงแชมป์เอเชีย 2014 ด้วยสกอร์ 3-0 โดยขุนพลช้างศึกชุดนั้นมีทั้ง เจนรบ สำเภาดี, สิทธิโชค กันหนู, ชินภัทร์ ลีเอาะ, เชาว์วัตน์ วีระชาติ, นพพล พลคำ, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล และ วรวุฒิ นามเวช ที่ติดทีมชุดซีเกมส์ครั้งนี้และต้องโคจรมาปะทะกันอีกครั้ง เกมนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการล้างตาของผู้เล่นไทยด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ “ช้างศึก” ยังเสียเปรียบเรื่องสภาพความฟิต เพราะได้พักเพียงแค่วันเดียวหลังกรำศึกหนักเกมชนะเวียดนาม 3-0 พร้อมจบรอบแรกด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มบี ต่างจากเมียนมา ที่ลงเล่นนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ทำให้ได้พักนานถึง 4 วัน จึงเป็นงานหนักของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือใหญ่ที่จะต้องวางแผนรับมือ

“ด้วยการที่เราต้องแข่งขันแบบวันเว้นวันมาก่อนหน้านี้จะมีผลต่อสภาพร่างกายนักเตะแน่นอน ส่วนเมียนมาได้เปรียบเราเพราะได้พักมาถึง 4 วัน ผมมองว่าโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะอยู่ที่จังหวะของแต่ละทีมในเกมว่าใครจะดีกว่ากัน ซึ่งเมียนมาเองก็เป็นทีมที่แข็งแกร่ง แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เราต้องเล่นในเกมของเรา ไม่เปิดเกมแลกกับพวกเขาตั้งแต่ต้นเพราะเรามีเวลาพักน้อยกว่า ซึ่งหากเลือกได้เราคงไม่อยากให้เกมยืดเยื้อ เพราะเราต้องลงเล่นในช่วงบ่ายแบบวันเว้นวันมาโดยตลอดและสภาพความสดเป็นรองคู่แข่งแน่นอน” โค้ชโย่ง กล่าว

สำหรับ 11 ตัวจริงของ “ช้างศึก” เกมนี้คาดว่าจะยึดผู้เล่นหลักจากนัดที่แล้ว โดยเปลี่ยนเพียงบางตำแหน่ง แนวรุก เจนรบ ศูนย์หน้ากัปตันทีมที่ปลดล็อกสกอร์แรกได้แล้วจะลงล่าตาข่าย โดยมี วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ศศลักษณ์ ไหประโคน,พิชา อุทรา คอยสนับสนุน พร้อมด้วย นพพล กับ พิธิวัต คุมเกมแดนกลาง ขณะที่ ชัยวัฒน์ บุราญ ที่พ้นโทษแบนแล้วจะสแตนด์บายข้างสนาม

ช้างศึกเป็นรอง อ่อง ธู

“การได้ ชัยวัฒน์ พ้นโทษแบนกลับมา ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ทีมมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงในทีม 11 คนแรกหรือไม่ต้องรอดูก่อน เพราะนักเตะที่ลงสนามในเกมกับเวียดนามก็ทำผลงานได้ดีทุกคน ซึ่งเป้าหมายของเราคือการทำหน้าที่ให้เต็มที่เพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศให้ได้” วรวุธ เผย

นอกจากนี้ กุนซือวัย 45 ปี ยังสั่งลูกทีมซ้อมการยิงจุดโทษควบคู่ไปกับการจบสกอร์และรีโคเวอรีร่างกาย สำหรับรับมือหากต้องเจอสถานการณ์ที่ยืดเยื้อเกิน 90 นาทีด้วยเช่นกัน

“เราต้องเด็ดขาดในเกมรุก รวมถึงปิดข้อผิดพลาดของเราให้ได้” โค้ชโย่ง ทิ้งท้าย

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งคู่ในซีเกมส์ทั้งหมด 23 ครั้ง ไทย ชนะ 14 เสมอ 4 แพ้ 5 นัด ยิงได้ 53 เสีย 27 ประตู โดยล่าสุดเจอกันในรอบชิงชนะเลิศปี 2015 ที่สิงคโปร์ “ช้างศึก” ถล่ม 3-0

“ทีมชาติไทย เป็นทีมที่มีศักยภาพสูงและถือว่าพวกเขามีมาตรฐานที่ดีกว่าเรา โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ชนะเวียดนาม พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการเล่น ซึ่งเราจะไม่ประมาทพวกเขาอย่างแน่นอน” กุนซือเมียนมา กล่าว

ขณะที่โปรแกรมอีกคู่ในรอบรองชนะเลิศ “เจ้าภาพ” มาเลเซีย แชมป์กลุ่มเอ จะพบกับอินโดนีเซีย รองแชมป์กลุ่มบี ในวันเดียวกันแต่แข่งทีหลังตามเวลาไทย 19.45 น. ณ สนามชาห์อาลัม โดยผู้ชนะของทั้งสองคู่จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ วันที่ 29 ส.ค.

ความน่าจะเป็น : ทีมชาติไทย สภาพความฟิตและประสบการณ์เป็นรองอาจต้องยืดเยื้อยันต่อเวลา