posttoday

ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ หวังสร้างสังคมการให้มากกว่ารับ

22 มีนาคม 2561

อยากเห็นสังคมเป็นเช่นไร ควรเป็นคนที่มีการกระทำเยี่ยงนั้น เมื่อเราเติบโต เรียนรู้ ผ่านประสบการณ์ต่างๆ

เรื่อง มัลลิกา นามสง่า, จุฑามาศ นิจประพันธ์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

อยากเห็นสังคมเป็นเช่นไร ควรเป็นคนที่มีการกระทำเยี่ยงนั้น เมื่อเราเติบโต เรียนรู้ ผ่านประสบการณ์ต่างๆ และได้ความงอกเงยทางด้านการศึกษา เงินทองเพียงพอแล้ว การคืนกลับให้สังคมเป็นสิ่งที่พึงกระทำ

ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้เป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เด็ก แต่ท่านกงสุลกิตติมศักดิ์ สาธารณรัฐมอลโดวา ประจำประเทศไทย ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รู้ตัวตลอดมาว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไรและลงมือทำมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย จนวันนี้เกิดผลสำเร็จหลายอย่าง

ท่านกงสุลฯ จบการศึกษาปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเคมี จากมหาวิทยาลัย Imperial College London สหราชอาณาจักร ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาตรีจากวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังหมั่นเพิ่มพูนความรู้จนได้รับวุฒิบัตรจากอีกหลากหลายสถาบัน เช่น United Nations-WIPO, Harvard Law School, University of Pennsylvania, สถาบันพระปกเกล้า ฯลฯ

“ระหว่างที่ผมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ผมใช้เวลาในการศึกษาอีกด้าน คือ รัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก ใจความมีว่า ความสำเร็จที่ได้จากการศึกษาที่แท้จริง อยู่ที่การนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ

ฉะนั้นไม่จำเป็นว่าเราศึกษาเรื่องอะไรมา มันไม่ใช่เราศึกษาทางวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ความรู้ความสามารถมันต้องเอาไปใช้ประโยชน์แค่ในทางวิศวกรรมศาสตร์เท่านั้น

โดยส่วนตัวผมชอบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมเชื่อว่าทุกความสัมพันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง กิจการใดๆ ก็ตามจะประสบความสำเร็จได้ด้วยความสัมพันธ์ที่ดี

ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ หวังสร้างสังคมการให้มากกว่ารับ

ทุกวันนี้ไม่มีที่ไหนที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้แต่ประเทศไทยคำพูดที่บอกว่าอาวุธที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ ดังนั้นสำหรับประเทศไทยเราจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีเพื่อให้เกิดความมั่นคง เสมือนว่าเรามีอาวุธที่ดีในการปกป้องประเทศ

การที่เรานำความรู้เชิงเทคโนโลยีในด้านวิศวกรรมศาสตร์ บวกกับถ้าเรามีความสามารถที่จะใช้ความสัมพันธ์ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ ผมว่าสองสิ่งนี้จะเป็นองค์รวมที่นำไปสู่เป้าประสงค์ในชีวิต ซึ่งก็คือเป็นจุดมุ่งหมาย เป็นความเชื่อ เป็นสิ่งที่ผมเชื่อ”

ท่านกงสุลฯ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์คนแรกของสาธารณรัฐมอลโดวา ประจำประเทศไทย และอายุน้อยที่สุด เมื่อเดือน ส.ค. 2559

ในทางปฏิบัติทางรัฐบาลมอลโดวามีกระบวนการพิจารณาคัดเลือกที่เข้มข้น อาศัยการพิจารณาจากหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา

หลังจากผ่านกระบวนการคัดสรรทางรัฐบาลมอลโดวาจะเสนอชื่อมายังรัฐบาลไทย เพื่อให้ทำการคัดกรองความเหมาะสมอีกขั้นหนึ่ง แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ จะนำความขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกอนุมัติบัตรรับรอง

“นับเป็นโอกาสที่ดี เป็นความภาคภูมิใจของผมที่มีโอกาสรับตำแหน่งอันทรงเกียรติ และเป็นประสบการณ์ที่ดีมากตำแหน่งที่ผมอยู่ หลายคนคงสงสัยว่าแตกต่างอย่างไรกับนักการทูตอาชีพ ทำไมคนไทยถึงดำรงตำแหน่งซึ่งเป็นของรัฐต่างประเทศ

ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ หวังสร้างสังคมการให้มากกว่ารับ

จริงๆ ตำแหน่งนี้มีความพิเศษ แน่นอนที่สุดในการดำเนินงานของผม ผมปฏิบัติงานให้เกิดผลดีกับประเทศต้นทาง และในขณะเดียวกันจะต้องให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย ในฐานะที่ผมเป็นพลเมืองไทย

นี่คือความท้าทาย ซึ่งคำว่าความท้าทายผมมองเชิงบวก เป็นความท้าทายที่จะทำอย่างไรให้สองสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งมีความท้าทายมากยิ่งต้องมีความรับผิดชอบมาก ยิ่งทำให้ผมได้พยายามคิดพยายามทำให้ออกมาได้ดีที่สุด นี่คือประสบการณ์ในตำแหน่งปีเศษที่ผ่านมา รวมถึงบริบททางด้านสังคมที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม”

สาธารณรัฐมอลโดวาในทัศนะของท่านกงสุลฯ “เป็นประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรปที่มีความคล้ายกับประเทศไทยในบางมิติ แม้ไม่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค แต่มีอัตลักษณ์ที่สามารถจะนำมาเป็นจุดเด่น จุดแข็งของการพัฒนาประเทศได้

ผมประทับใจในตัวคน ต่อให้อยู่ในภูมิภาคยุโรปที่เจริญแล้ว แต่คนมอลโดวามีความอ่อนน้อมถ่อมตนในระดับหนึ่งคือ เขามีความพร้อมที่จะเปิดรับการเปลี่ยนแปลงกับการพัฒนา ถ้ามองในลักษณะภาพรวม เป็นประเทศที่รักสงบ เป็นคนรักสงบ เพราะพึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่”

นอกจากตำแหน่งอันทรงเกียรติ ท่านกงสุลฯ ยังรับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวในธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

“นอกเหนือจากธุรกิจของครอบครัวที่ผมเป็นผู้บริหาร ผมก็เริ่มทำงานทางด้านสังคมมากขึ้น ผมเชื่อว่าบริบทในสังคมทุกวันนี้ ทุกคนที่อยู่ในสังคมจะต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบสังคมที่เราอยากจะเห็น

ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ หวังสร้างสังคมการให้มากกว่ารับ

แล้วทำอย่างไร อยู่ที่ว่าเรามีกำลังมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกำลังเวลา กำลังความรู้ความสามารถ แม้กระทั่งกำลังทรัพย์ ซึ่งผมมองว่าทุกคนควรจะมีส่วนร่วมมากน้อยตามกำลัง ตัวผมเอง ผมคิดว่าพอจะมีความพร้อมและพอจะมีกำลังต่างๆ เหล่านี้ที่จะสามารถทำให้เกิดประโยชน์

ที่ผ่านมาไม่ว่าสังคมนั้นจะอยู่ที่ใดประเทศใด หากประชาชนในสังคมนั้นมีกำลังแล้ว ไม่ร่วมมือช่วยกันออกแบบสังคมให้เป็นสังคมที่ดีขึ้น แต่เมื่อถึงเวลาก็คอมเพลน บ่น หรือแม้แต่ต่อต้าน ซึ่งถึงเวลานั้นมันสายไปแล้ว ต้องมาเสียเวลาในการแก้ไข ผมว่ามันไม่ใช่วิธีการที่จะเป็นทางออก

ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ชอบอะไร ถ้าอะไรที่เรารู้สึกว่ามันต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครหรอกที่จะผลักดันตรงนี้ได้นอกจากตัวเราเอง กำลังมากก็ออกแรงมาก กำลังด้านไหนมากก็ออกด้านนั้น ถ้าทุกคนคิดแบบนี้อย่างน้อยสังคมที่ออกมา ผมการันตีไม่ได้ว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่อย่างน้อยมันก็ออกมาในแบบที่เราอยากเห็น”

สังคมที่ท่านกงสุลฯ อยากออกแบบ คือ สังคมที่มีผู้ให้มากกว่าผู้รับ “ผมจบวิศวะฯ มองอะไรเป็นตัวเลข คิดง่ายๆ ถ้าทุกคนคิดว่าจะให้ 5 และรับ 10 มันก็จะติดลบ ถ้าทุกคนคิดว่าจะให้ 5 และรับกลับมา 5 มันก็ไม่มีอะไรเหลือ ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เรายอมให้ 5 หวังกลับมา 3 หวังกลับมา 4 แน่นอนที่สุดในส่วนต่างนั้นมันก็คงเป็นส่วนที่จะตกผลึกมาเป็นผลประโยชน์ที่ตกอยู่ในสังคมนั่นล่ะ

ตอนรับกลับมาบางทีมันไม่ได้มาในรูปแบบของพาณิชย์หรือรูปแบบที่จับต้องได้ บางทีมันก็เป็นรูปแบบของเกียรติ ของความภาคภูมิใจ หรือว่าโอกาสที่ได้เข้ามาในงานหรือสิ่งที่ตัวเองรัก”

ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ หวังสร้างสังคมการให้มากกว่ารับ

ถึงแม้งานจะเยอะและมีหลายหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ท่านกงสุลฯ ก็มีเวลาให้ครอบครัวเสมอ “อย่าลืมว่าสังคมประกอบจากอะไร สังคมก็คือคน ถามว่าครอบครัวเราคือคนที่อยู่ในสังคมไหม เพราะอย่างนั้นเราต้องให้ความสำคัญ

ถ้าครอบครัวเราเองเรายังไม่สามารถทำให้มีความสุขได้ ออกแบบสังคมมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมให้ความสำคัญกับลูกๆ ถ้าเราให้ความสำคัญมาก แม้ว่าลูกยังเด็ก เขาก็รับรู้ได้ว่าเราให้ความสำคัญกับเขา

เรื่องบริบทหรือหน้าที่ของงาน ผมไม่ใช่คนเดียวที่ทำในหลายหน้าที่ แต่จุดสำคัญคือเราสามารถสร้างเสริมคุณภาพให้เกิดคุณประโยชน์ในทุกๆ ด้าน ก่อนจะไปถึงขั้นที่รัฐบาลผลักดันมันต้องเริ่มจากตัวเราก่อนว่าเราประเมินตัวเองหรือยังว่าเรามีภารกิจนะ เราพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรงนี้หรือยัง”

ส่วนตำแหน่งกงสุลฯ ที่ดำรงอยู่นั้นมีส่วนช่วยสนับสนุนในการทำธุรกิจหรือไม่ ท่านกงสุลฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาธุรกิจค่อนข้างมั่นคงอยู่แล้ว ซึ่งยังไม่เห็นชัดว่าการเป็นกงสุลจะเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจ

ในทางกลับกันจากการที่ธุรกิจมีความมั่นคง ทำให้ท่านกงสุลฯ สามารถทุ่มเทและปฏิบัติภารกิจในฐานะกงสุลฯ ได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถใช้ความเข้าใจและประสบการณ์ทางธุรกิจมาวางแนวทางในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้อีกด้วย

“ในแผนการชีวิตไม่ได้คิดว่าเราต้องมาเป็นกงสุลฯ แต่แน่นอนผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าผมชอบอะไร อยากจะทำอะไร คือผมมุ่งมั่นว่าสักวันหนึ่งผมจะต้องทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้ได้ ถ้าวันนี้เวลานี้มีโอกาสที่เหมาะสมในระดับสูงขึ้นเข้ามา ผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ” ท่านกงสุลฯ กล่าวทิ้งท้าย