วอลเลย์บอลชายหาด ตบกระจายให้ทรายฟุ้ง
เมื่อพูดถึงกีฬาวอลเลย์บอล เรามักจะนึกถึงวอลเลย์บอลที่เล่นกันในอินดอร์สเตเดี้ยม
โดย กั๊ตจัง  ภาพ : รอยเตอร์ส
เมื่อพูดถึงกีฬาวอลเลย์บอล เรามักจะนึกถึงวอลเลย์บอลที่เล่นกันในอินดอร์สเตเดี้ยม แต่กีฬาวอลเลย์บอลที่นิยมเล่นกันอีกชนิด ก็คือ วอลเลย์บอลชายหาด ที่มีความท้าทายผู้เล่นมากกว่าเป็นเท่าตัวถึงขนาดที่นักกีฬาวอลเลย์บอลสโมสร และเป็นกีฬาซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเล่นกิจกรรมริมหาด
ความเป็นมาของวอลเลย์บอลชายหาดนั้น อาจเริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1920 มีชาวแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เริ่มเล่นวอลเลย์บอลชายหาดแบบทีมละ 6 คน จากนั้นการเล่นริมหาดก็เริ่มแพร่หลายจนมีการลดจำนวนผู้เล่นลงให้เลือกทีมละ 4 คน จนเหลือ 2 คน ใน ค.ศ. 1947 และเริ่มมีการแข่งขันเป็นรายการทัวร์นาเมนต์จนถึงปัจจุบัน
สรพงษ์ สว่างศรี ผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลชายหาด เล่าถึงความสนุกในการเล่นวอลเลย์บอลชายหาดว่า เป็นกีฬาของคนที่ไม่กลัวดำ (หัวเราะชอบใจ) การเล่นจะคล้ายกับวอลเลย์บอลแต่ความคิดเห็นส่วนตัวผมมองว่ามีความยากกว่ากันมาก
อย่างแรก คือ เรื่องความท้าทาย การเคลื่อนไหวบนพื้นทรายจะยากกว่า ต้องใช้แรงมากกว่า สภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้นักกีฬาเหนื่อยง่าย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมา นั่นคือร่างกายที่แข็งแรงกว่านักกีฬาวอลเลย์บอลทั่วไป
สำหรับคนที่ต้องการจะฝึกเล่นวอลเลย์บอลชายหาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาที่เล่นอย่างจริงจังหรือเล่นกันสนุกๆ เพื่อการออกกำลังกายก็ดีทั้งคู่ แต่จะดีกว่ากีฬาประเภททีมอื่นๆ ตรงที่ผู้เล่นมีเพียงทีมละ 2 คน การนัดเพื่อนมาเล่นด้วยกันจะง่าย น่าจะเรียกได้ว่าเล่นได้ง่ายกว่ารวมทีมฟุตบอลและวอลเลย์บอลอย่างเห็นได้ชัด เพราะแต่ละทีมจะมีผู้เล่นเพียง 2 คน ไม่มีการเปลี่ยนตัวสำรอง ต้องเล่นจนจบเกม
สนามที่เล่นแน่นอนว่าก็ต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมหาด ส่วนใหญ่ทุกโรงแรมที่มีพื้นที่ริมทะเลจะมีอุปกรณ์สำหรับการเล่นวอลเลย์บอลชายหาดอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงโรงแรมที่มีพื้นที่ติดริมทะเลเท่านั้นที่จะมีเสาตาข่ายสำหรับเล่นวอลเลย์บอลชายหาดในสนามกีฬาหรือพื้นที่สำหรับออกกำลังกายกลางแจ้ง ก็เริ่มมีการสร้างสนามกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดมากขึ้น
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ เป็นกีฬาที่มีต้นทุนไม่สูงมากนัก แค่มีลูกวอลเลย์บอลเสาตาข่าย และเส้นแบ่งเขตบนพื้นทรายที่ได้ระนาบเดียวกันแค่นั้น หากเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ริมหาดก็ใช้ทรายทะเลปูเป็นพื้นที่สนามเท่านั้น ทำให้ได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบกีฬาวอลเลย์บอล
กติกาจะแตกต่างไปจากการแข่งขันวอลเลย์บอลที่เรารู้จักไปบ้าง โดยการแข่งขันจะตัดสินชนะที่ 2 ใน 3 เซต ในเซตที่ 1 และ 2 ผู้ที่ทำได้ 12 คะแนนก่อน จะเป็นผู้ชนะ โดยไม่มีการดิวซ์ หากเกมเล่นมาถึงเซตที่ 3 ทีมที่ทำได้ 12 คะแนนก่อน จะเป็นผู้ชนะ แต่ต้องมีคะแนนนำฝ่ายตรงข้ามอย่างน้อย 2 คะแนน (เช่น 13:11, 15:13)
หากคะแนนรวมกันทั้งสองทีมได้ 4, 8, 12, 16 ฯลฯ จะเปลี่ยนแดนและหยุดพัก 30 วินาที ยกเว้นเซตที่ 3 หลังจากเปลี่ยนแดนแล้วจะแข่งขันต่อทันทีไม่มีการหยุดพัก สาเหตุที่เปลี่ยนแดนและหยุดพักบ่อย เพราะวอลเลย์บอลชายหาดเป็นเกมที่ใช้พละกำลังมาก หากเทียบพื้นที่ในการคุมเกมกับวอลเลย์บอลปกติจะใช้พื้นที่มากกว่า การเคลื่อนไหวบนพื้นทรายก็ยากกว่า มีกฎกติกาการเซตและการตีแตกต่างออกไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเกมกีฬาที่เล่นได้สนุก
ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นในระดับใด สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังในการเล่นวอลเลย์บอลชายหาด ก็คือ สภาพพื้นทรายควรเล่นเฉพาะตอนเช้าและตอนเย็น ที่พื้นทรายไม่ร้อนเกิน 40 องศาวัดง่ายๆ แค่เรายืนแล้วรู้สึกร้อนจนยืนไม่ไหวก็แสดงว่าร้อนเกินไป เม็ดทรายต้องละเอียด ไม่มีการอัดแน่น ไม่มีกรวดใหญ่ หรือทรายเล็กเกินไปจนอยู่ในสภาพฝุ่น
ในขณะเล่นต้องระวังเรื่องทราย ซึ่งจะเห็นได้ว่ากฎกติกาหรือรูปแบบการเล่นบางอย่างจะเปลี่ยนไป เช่น การเซตลูกจะไม่นิยมเซตในระดับเหนือศีรษะเนื่องจากทรายจะเข้าตาได้ หรือการตบก็จะเน้นความรุนแรง เพราะกติกาไม่อนุญาตให้มีการหยอดลูก เป็นต้น
เรื่องอาการบาดเจ็บก็เหมือนกับกีฬาอื่นโดยทั่วไปที่ควรจะวอร์มอัพร่างกายก่อนเล่นเสมอ รูปแบบการเล่นก็เน้นทักษะการรับซึ่งสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะการขึ้นตีเนื่องจากมีผู้เล่นเพียง 2 คน การหาพื้นที่ตีให้ลงนั้นจะง่ายกว่า แต่การรับจะยากที่สุด เพราะมีพื้นที่กว้างและจะรับอย่างไรให้สามารถเปลี่ยนเป็นเกมรุกได้ ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนและรู้ใจคู่หูที่เล่นด้วยกัน
“อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าถ้าเราออกกำลังกายแบบเล่นสนุกๆ กับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเล่นที่ใดก็ตาม อาจมีการปรับเปลี่ยนกติกาได้บ้างเพื่อความสนุก เช่น จากเล่น 2 คน เป็น 3 หรือ 4 คน ตามจำนวนสมาชิกที่มี เปลี่ยนตัวผู้เล่นได้หรือลดความสูงของตาข่ายลงมานิดหน่อยพอให้เล่นได้สนุกขึ้น ก็จะทำให้การเล่นวอลเลย์บอลชายหาดนั้นมีสีสันทำให้วันหยุดเต็มไปด้วยความสนุก”