10 อาหารที่ช่วยให้ฉลาดและอายุยืน โดยนักกำหนดอาหาร
"You are what you eat" กินอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างนั้น แต่เพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดของสมอง ดร.โรเจอร์ เฮนเดอร์สัน นักกำหนดอาหาร กล่าวว่า คนเราควรรับประทานอาหารบำรุงสมองให้เพียงพอและบำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
"You are what you eat" กินอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างนั้น ในส่วนสมองของคนเราก็เช่นกัน แหล่งพลังงานที่เรารับเข้าไปในร่างกายอย่างอาหารและน้ำดื่มสามารถสร้างความแตกต่างให้กับประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ ดังนั้น เพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดของสมอง ดร.โรเจอร์ เฮนเดอร์สัน นักกำหนดอาหาร กล่าวว่า คนเราควรรับประทานอาหารบำรุงสมองให้เพียงพอและเป็นการบำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้วยอาหารเหล่านี้
ภาพ : freepik
1.บลูเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะความเครียดออกซิเดชั่น ในร่างกาย จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคเกี่ยวกับความชราได้ ยิ่งเราอายุมากขึ้น ร่างกายของคนเราจะต้องเผชิญกับโมเลกุลชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งเราเรียกมันว่าอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความอันตรายของพวกมันได้ ด้วยเหตุนี้ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นอาหารที่สำคัญ ลองเติมบลูเบอร์รี่หนึ่งถ้วยเข้าไปในสมูทตี้ โยเกิร์ต หรือซีเรียลก็ดีไม่น้อย
2.แซลมอน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และมีสารป้องกันการอักเสบที่ช่วยบำรุงการไหลเวียนของโลหิตและการทำงานของสมอง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมและหลอดเลือดสมอง รวมทั้งบำรุงความจำลองรับประทานปลาชนิดนี้ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ จะรับประทานเป็นปลาย่าง อบ หรือต้มก็ได้
3.ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช อุดมไปด้วยวิตามินอีที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทั้งยังมีไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลเดี่ยวที่ดีต่อหัวใจ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงไว้เสมอว่าถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชหลายชนิดมีไขมันชนิดอื่นสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานเกิน 250 กรัม/วัน หลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วคลุกเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น อัลมอนด์และวอลนัทเป็นทางเลือกที่ดีในกรณีนี้
4.ธัญพืชเต็มเมล็ด พบได้ในอาหารประเภทขนมปังโฮลวีต พาสต้า ซีเรียล จมูกข้าวสาลี และข้าวกล้อง อาหารเหล่านี้ดีต่อการหมุนเวียนโลหิตเนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใย กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้เซลล์สมองทำงานได้ดี
5.ถั่วทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นถั่วดำ ถั่วปากอ้าและถั่วเลนทิล เป็นอาหารที่มีเส้นใยมากและปล่อยพลังงานอย่างช้าๆ ช่วยรักษาระดับกลูโคสในร่างกายให้เสถียรตลอดวันและบำรุงร่างกายและจิตใจ
6.ช็อกโกแลต คนส่วนใหญ่ชอบรับประทานช็อกโกแลต ข่าวดีก็คือ ช็อกโกแลตไม่เพียงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังเท่านั้น แต่ยังมีกาเฟอีนที่ช่วยเรื่องสมาธิอีกด้วย นอกจากนี้ ดาร์กช็อกโกแลตยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเอนดอร์ฟินที่ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น ควรเลือกรับประทานช็อกโกแลตคุณภาพเยี่ยมที่มีสัดส่วนของโกโก้สูง ไม่ใช่ช็อกโกแลตเชิงอุตสาหกรรมที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง ไม่ต้องรับประทานมาก เพียงแค่ 10-25 กรัม ก็ได้ประโยชน์แล้ว
7.กาแฟ กาเฟอีนและเมล็ดกาแฟ ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ประโยชน์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการกระตุ้นการทำงานของสมองมาจากสารกาเฟอีน ดังนั้นคุณจึงต้องจำกัดปริมาณกาแฟที่รับเข้าสู่ร่างกาย แค่ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วก็เพียงพอแล้ว
8.อโวคาโด การรับประทานอโวคาโดเล็กน้อยดีต่อสุขภาพในทุกๆ ด้าน เพราะในอโวคาโดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดอะมิโน (โปรตีน) ที่ช่วยลดความดันโลหิตและบรรเทาการอักเสบในร่างกายของคนเรา แนะนำให้รับประทานอโวคาโด 1/4 ถึงครึ่งผลทุกวัน
9.ชาเขียวและชาดำ ที่ชงเสร็จใหม่ๆ มีสรรพคุณต้านสารอนุมูลอิสระได้ดีเทียบเท่ากับกาเฟอีน นอกจากนี้ยังช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง ทำให้ความจำและอารมณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับกาแฟ เราควรดื่มชาแต่พอดีจึงจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งก็คือ 3-4 แก้ว/วันเท่านั้น
10.น้ำทับทิม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรจำกัดปริมาณการดื่มไว้ที่ 50-75 มล./หน่วยบริโภค เพราะการดื่มมากเกินไปจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ผสมน้ำทับทิมกับน้ำเปล่าแล้วดื่มหลายๆ ครั้งต่อวัน หรือจะรับประทานทับทิบสดประมาณ 250 กรัมก็ได้
หัวใจสำคัญของการกระตุ้นการทำงานของสมอง คือการจ่ายพลังงานให้แก่สมองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อตลอดทั้งวัน การอดอาหารในตอนกลางวันแล้วมารับประทานในตอนกลางคืนนั้นไม่ดีต่อสุขภาพและไม่ใช่การรับประทานอาหารอย่างสมดุล การรับประทานอาหารบำรุงสมองเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับ 7-8 ชั่วโมง ในตอนกลางคืน แล้วทำสมาธิและออกกำลังกายแบบเน้นความผ่อนคลายอย่างโยคะหรือพิลาทิส สามารถช่วยบำรุงสุขภาพของสมองและร่างกายของเราช่วยให้อายุยืนได้