ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการสร้างทีมงานเชิงรุก
โดย ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ ศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน
เพราะโลกไม่แน่นอน อ่อนไหว ซับซ้อน และคลุมเครือ นำมาซึ่งความท้าทาย อีกทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้นบนฐานของเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจจึงมีความเสี่ยง องค์กรจึงต้องปรับตัว แต่เราขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ และดูเหมือนจะ “ติดกับดัก” ของศักยภาพที่ตีบตัน จึงไม่สามารถก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดของตนเองได้ ไม่สามารถสร้างการนำตนเอง จึงไม่อาจเล่นชิงรุกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องพิจารณาภาพรวม และต้องการผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างทีมงานเข้มแข็งและนำองค์กรให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อพิจารณาถึงการสร้างการนำตนเองเพื่อเล่นเชิงรุก มันคือการระเบิดศักยภาพจากภายใน เมื่อพูดถึงศักยภาพภายใน เราลองพิจารณาชีวิตผีเสื้อ วงจรชีวิตของมันมี 4 ระยะ เริ่มด้วยระยะเป็นไข่ จากนั้นจะเป็นตัวหนอน ในช่วงนี้ หากนกเห็น มันจะกลายเป็นเหยื่อแน่นอน แต่หากมันรอด มันจะขับใยเหนียวๆ ออกมาห่อหุ้มตัวมันเอง กลายเป็นดักแด้ จากนั้นไม่นาน มันจะใช้ขาดันเปลือกให้แตกออก กลายเป็นชีวิตใหม่ เรียกว่า ผีเสื้อชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นนี้แตกต่างจากสภาพเดิมอย่างสิ้นเชิง และสามารถแสดงศักยภาพที่แตกต่างและสูงกว่าเดิม สามารถบินหลบหลีก ซ่อนเร้นจากศัตรูได้ สามารถบินหาน้ำหวานเพื่อยังชีพและดำรงเผ่าพันธุ์เพื่อความอยู่รอดจะเห็นได้ว่า ศักยภาพใหม่ที่ว่านี้ต้องระเบิดจากภายใน
มนุษย์เราก็เช่นกัน แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น แรงขับเคลื่อนชีวิต ย่อมต้องมาจากภายใน เมื่อมาจากภายใน นั่นแสดงว่ามันอยู่ในอำนาจของตนเอง เมื่อตนมีอำนาจเหนือมัน นั่นคือ เราสามารถจัดการกับมันได้ นั่นคือ เราสามารถนำตนเองได้
การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเอง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกตอบสนอง นั่นคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าเราจะโต้ตอบอย่างไร เพราะการตอบสนองใดๆ มันล้วนมาจากกรอบความคิดตนเอง
กรอบความคิดเปลี่ยนได้ และตนมีอำนาจเหนือมัน ดังนั้น การตอบสนองใดๆ ในรูปของพฤติกรรม มันจึงมาจากการเลือกของตนเองทั้งสิ้น ความสามารถในการเลือกนี้เองคือ อำนาจ
อำนาจดังกล่าวคือ ความเป็นอิสระ คืออิสระจากแรงกดดันภายนอก อิสระจากข้อจำกัดภายนอก บุคคลประเภทนี้จะไม่บ่น จะไม่โวยวาย ไม่ตีโพยตีพาย ไม่โทษโน่นนี่นั่น หรือโทษใคร หรืออ้างเหตุภายนอกว่าเป็นสาเหตุ นั่นคือ เขาจะไม่เอาข้อจำกัดภายนอกมากำหนดชะตาชีวิตตนเอง เพราะถ้าทำอย่างนั้น นั่นเท่ากับว่าตนพาเอาตนเองไปอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนแอ ความอ่อนด้อย ความไร้สมรรถภาพ แต่จะตระหนักว่า ตนอยู่เหนือสถานการณ์นั้นๆ เพราะเรามีอำนาจเหนือมัน ตนจึงไม่กวัดแก่วงไปตามกระแส จะไม่ยอมให้มันมามีอิทธิพลเหนือตนเอง แต่จะดูว่าตนมีทางเลือกอะไรบ้างที่พอจะทำได้ในสถานการณ์ดังกล่าว และไม่ว่าจะเกิดผลอะไรที่ตามมา ตนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ
ภาวะนี้เองคือ ศักยภาพสูงสุด มันคือ ความสามารถในการนำตนเอง เพราะนำตนเองได้ จึงปรับตัวได้และด้วยสามารถในการคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ตนจึงสามารถสร้างทางเลือกได้หลากหลาย เพื่อรองรับสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ความสามารถในการปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นล่วงหน้านี้เอง บุคคลจึงเล่นเชิงรุกได้ และด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง หากว่าผลที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาด ตนก็รู้ว่ามันพลาดที่ตรงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมองว่านั่นคือ กระบวนการเรียนรู้ แล้วจะหาทางปรับแก้ไขอย่างไร เพื่อทางออกที่ดีกว่า ดังนั้น ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ด้วยข้อจำกัดอย่างไรก็ตาม ขอให้เข้าใจว่า ตนมีศักยภาพในการนำตนเอง นั่นคือ เรามีอำนาจในการเลือกที่จะเล่นเชิงรุก เล่นเชิงบวกได้
การนำตนเองเชิงรุกจึงเป็นภาวะที่บุคคลสามารถระเบิดศักยภาพภายในออกมา เพื่อขับเคลื่อนตนเองได้อย่างเต็มที่ สามารถปรับฟื้นคืนสภาพตนเองได้ แม้ในภาวะที่ยากลำบาก สามารถควบคุม กำหนดทิศทาง และจัดการตนเองได้ นั่นคือ รู้ว่าจะเลือกตอบสนองอย่างไรให้เหมาะสม เมื่อมีความท้าทายผ่านเข้ามาในชีวิต
ภาวะที่บุคคลเลือกได้นี้เองสะท้อนถึงศักยภาพภายใน และต้องเกิดจากการปรับกรอบความคิด (Mindset) เพราะกรอบความคิดเป็นของตนเอง บุคคลจึงสามารถเลือกตอบสนองได้ การที่บุคคลตระหนักว่าชีวิตมีทางเลือก จึงสามารถนำตนเองได้ เมื่อนำตนเองได้ ก็เล่นเชิงรุกได้ สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ การที่บุคคลสามารถเลือกที่จะนำตนเองเพื่อเล่นเชิงรุกนี้เองเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืนขององค์กร
คำถามสำคัญคือ ท่านในฐานะผู้นำ ท่านมีวิธีการอย่างไรที่จะเหนี่ยวนำทีมงานให้เกิดการปรับกรอบความคิด ออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ออกจากภาพความสำเร็จเก่าๆ สามารถพลิกฟื้นคืนสภาพตนเองและทีมงานให้กลับมาเข้มแข็ง มีความเชื่อมั่น มีความมั่นคงภายใน ไม่หวั่นไหว มีภูมิต้านทาน มีทัศนคติเชิงบวก มองปัญหาเป็นความท้าทาย มองความพลาดพลั้งเป็นกระบวนการเรียนรู้ ปลูกฝังการเรียนรู้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ตลอดชีวิต สร้างแรงขับเคลื่อนภายในให้สามารถนำตนเองได้ เพื่อเล่นเชิงรุก และมีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ให้สอดคล้องไปในแนวเดียวกันอย่างเป็นเอกภาพ