posttoday

CNN จัดอันดับ 10 เมนูอาหารที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

04 พฤษภาคม 2566

CNN Travel ได้จัดอันดับ 10 วัฒนธรรมอาหารที่ดีที่สุดและเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยก็ติดอันดับไปกับเขาด้วยเช่นกัน

หากต้องเลือกสถานที่ท่องเที่ยวสักแห่ง คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการวางแผนการเดินทาง  และถึงแม้รสชาติความอร่อยจะเป็นเรื่องปัจเจกตามรสนิยมส่วนบุคคล แต่ CNN Travel ได้จัดอันดับ 10 วัฒนธรรมอาหารที่ดีที่สุดและเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยก็ติดอันดับไปกับเขาด้วยเช่นกัน

10. สหรัฐอเมริกา

เมนูจานเด็ดต้องห้ามพลาด ที่ CNN Travel แนะนำเมื่อไปถึงถิ่นชาติมหาอำนาจของโลก ได้แก่ชีสเบอร์เกอร์ และคุกกี้ช็อกโกแลตชิป ส่วนเมนูที่ไม่แนะนำ จะลองชิมดูก็ได้ไม่มีใครว่า  แต่รับผิดชอบต่อมรับรสกันเอาเอง ได้แก่ บรรดาอาหารแปรรูปทั้งหลาย อย่างขนม Twinkies เค้กช็อกโกแลตของ Hostess และ KFC

9. เม็กซิโก

เมนูเด็ดของเม็กซิโกที่ CNN Travel แนะนำได้แก่ ซอสโมเล่ (Mole), ทาโก้หมูหมักสไลด์เป็นชิ้นบางๆ  เติมพริก สัปปะรด หอมหัวใหญ่ (tacos al pastor) และตามัล (Tamale) อาหารเม็กซิกันแบบดั้งเดิม ทำจากแป้งข้าวโพด ยัดไส้ด้วยเนื้อสัตว์ ชีส และผลไม้หรือผัก ส่วนเมนูที่ไม่แนะนำที่สุดคือ  ทอสทาด้า (Tostadas) ที่มีลักษณะคล้ายทาโก้หรือเบอร์ริโต แต่เสิร์ฟในแป้งตอร์ตียาทอดกรอบ ซึ่งทำให้มีความยากลำบากขณะรับประทาน

8. ประเทศไทย

Street food หรือร้านอาหารข้างทางของไทยถือเป็นจุดขายที่นักท่องเที่ยวล้วนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเมนูอาหารไทยแต่ละอย่างล้วนมีการผสมผสานของสมุนไพรและเครื่องเทศนานาชนิด ทำให้รสชาติมีความซับซ้อนทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบรสลงตัวในจานเดียว

ด้วยอิทธิพลจากจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า และศิลปะการทำอาหารแบบชาววัง อาหารไทยจึงกลายเป็นอาหารที่ดีที่สุดในโลก โดยเมนูจานเด็ดต้องห้ามพลาด ที่ CNN Travel แนะนำได้แก่ต้มยำกุ้ง ที่มีความหอมของข่า ตะไคร้ ทั้งยังมีความสดชื่นของกลิ่นใบมะกรูดและความเผ็ดร้อนของพริก, แกงมัสมั่น ราชาแห่งเครื่องแกง ด้วยรสชาติที่ผสมผสานทั้งความเผ็ดร้อน ความเข้มข้นของกะทิและถั่ว ตัดด้วยความหวาน เค็ม ซึ่งเมนูนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู และที่ขาดไม่ได้เลยคือส้มตำ เมนูที่ได้ใจทั้งคนไทยและต่างชาติด้วยรสชาติ เปรี้ยว เผ็ด หวาน ซึ่งเป็นรสชาติที่ดีที่สุดของอาหารไทย

ส่วนเมนูที่ไม่แนะนำที่สุดคือ ปลาร้า ซึ่งนิยมรับประทานกันแบบดิบๆ เป็นอาหารที่นิยมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และมีรายงานว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดี

7. กรีซ

เมนูแนะนำ: น้ำมันมะกอก (Olive oil) เมื่อราดลงบนอาหาร หรือขนมปัง ช่วยชูรสอาหารให้มีความหลากหลาย, สปานาโกปีตา (Spanakopita) หรือพายผักโขมกรีกที่มีส่วนผสมของเฟต้าชีส และไจโร(Gyro) แซนด์วิชเนื้อ

เมนูไม่แนะนำ: Lachanorizo กะหล่ำปลีดองผสมกับข้าว

6. อินเดีย

เมนูแนะนำ: ถั่วดาล (Dal) , โดซา (Dosa) แป้งกรอบทรงกรวยสีน้ำตาลและเครื่องจิ้มนานาชนิด และ ชาอินเดีย (Chai)
เมนูไม่แนะนำ: Balti chicken แกงกะหรี่ประเภทหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมของชาวอังกฤษ

5. ญี่ปุ่น

เมนูแนะนำ: ซุปมิโซะ, ซูชิ และ ซาชิมิ และ เทมปุระ

เมนูไม่แนะนำ: ฟุกุ (Fugu) หรือก็คือปลาปักเป้าสด ที่แม้จะอร่อยแต่ก็เป็นอาหารที่อันตรายจากพิษของมัน

4. สเปน

เมนูแนะนำ: แฮมขาหมูดำ (Jamón ibérico) และ ชูโรส (Churro) ปาท่องโก๋สเปน 

เมนูไม่แนะนำ: ซุปมะเขือเทศเย็น (Gazpacho) 

3. ฝรั่งเศส

เมนูแนะนำ:หอยทาก  (Escargot), มาการอง (Macarons) และ บาเกต ( baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส

เมนูไม่แนะนำ: ฟัวกราส์ (Foie gras) หรือ ตับห่าน เพราะเป็นอาหารที่นักสิ่งแวดล้อมมองว่าทารุณกรรมสัตว์จากการขุนให้ตับของพวกมันอ้วนพี

2. จีน

เมนูแนะนำ: หมูผัดเปรี้ยวหวาน, ติ่มซำ, หมูหันและเป็ดปักกิ่ง, เสี่ยวหลงเปา

เมนูไม่แนะนำ: หูฉลามน้ำแดง เนื่องจากมีประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภัตตาคารจีนถูกสั่งว่าห้ามขายเมนูนี้

1. อิตาลี

เมนูแนะนำ:  สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อโบโลเนส, พิซซ่า, ไส้กรอกสไตล์อิตาลี (Salami) และ กาแฟ

เมนูไม่แนะนำ: ชีสนมควาย (Buffalo mozzarella)