posttoday

นโยบายรัดคอพท.เป๋ก่อนออกสตาร์ต

19 กรกฎาคม 2554

ชัยชนะล้นหลามของพรรคเพื่อไทย สร้างความสะใจให้กับคนเสื้อแดงเป็นอย่างมาก

ชัยชนะล้นหลามของพรรคเพื่อไทย สร้างความสะใจให้กับคนเสื้อแดงเป็นอย่างมาก

โดย...ทีมข่าวการเมือง

แต่ผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์ พรรคเพื่อไทยกลับโดนถล่มเละ นั่นเพราะนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้มีแนวโน้มว่าจะทำไม่ได้จริงอย่างที่โม้

ที่เห็นจากเรื่องแรก คือ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาทต่อวัน ที่ประกาศว่า“จะทำทันที”

เมื่อภาคธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์ต่างประสานเสียงคัดค้านการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ไม่ใช่ไม่อยากให้ลูกจ้าง แต่เป็นการเพิ่มแบบก้าวกระโดดที่กระทบต่อต้นทุน และพานจะรวนทั้งระบบ

พรรคเพื่อไทยมึนเหมือนถูกหมัดชุดประเคนไม่ยั้ง!

เนื่องจากการขึ้นค่าจ้างต้องเป็นมติ 3 ฝ่ายของคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ราชการ เอกชน และลูกจ้าง ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล และรัฐบาลจะไปบังคับเอกชนก็ไม่ได้ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยหาเสียงว่าทำได้ ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองไป

“ปลอดประสพ สุรัสวดี” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เลยยอมรับตรงๆ ว่า การขึ้นค่าจ้าง 300 บาท “ทันที” เป็นแค่เทคนิคการ “หาเสียง” และคงทำไม่ได้ทั่วประเทศ แต่เราจะพยายามทำ

แน่นอนการรีบออกมายอมรับสร้างความเสียหายกับพรรค เพราะเท่ากับเป็นการดิสเครดิตตัวเอง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ทีเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบเพื่อไทยที่หาเสียงเข้าข่ายหลอกหลวง

 

นโยบายรัดคอพท.เป๋ก่อนออกสตาร์ต

ความจริงแล้ว โครงการประชานิยมตรา “นายห้างดูไบห่อ” หลายชุดที่เสนอมาระหว่างหาเสียงถูกวิจารณ์หนักว่า ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ที่สำคัญอาจทำให้ประเทศถังแตก

และแทนที่จะ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย” แต่รายได้ที่เพิ่ม รายจ่ายก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว ข้าวแกงข้างถนนอาจพุ่งเป็นจานละ 50-60 บาท จากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะฉวยโอกาสขึ้นราคา บวกกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของค่าจ้าง

แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันเสียงแข็งว่า ทุกนโยบายไม่เพ้อฝัน ทำได้แน่นอน และให้เชื่อมั่นจากนโยบายประชานิยมดั้งเดิมที่ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้ว ไม่ว่ากองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค พักหนี้เกษตรกร

...และจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดี จีดีพีเข้มแข็ง

ย้อนอีกครั้งถ้าจำได้ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง กรุงเทพโพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย

เพราะหลายนโยบายของเพื่อไทยไม่สามารถทำได้จริง เช่น การเพิ่มค่าจ้างวันละ 300 บาท การปราบยาเสพติดให้หมดไปภายใน 1 ปี นโยบายทำรถไฟความเร็วสูง นโยบายขยายรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง 10 สายโดยเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย

แต่ทีมเศรษฐกิจของเพื่อไทยตอบโต้ว่า นี่เป็นแผนของฝ่ายตรงข้ามที่จ้างนักวิชาการให้ออกมาถล่มเพื่อไทยเพื่อตัดคะแนนก่อนเลือกตั้ง

ลึกๆ ทุกฝ่ายเป็นห่วงว่า หากพรรคเพื่อไทยดำเนินนโยบายประชานิยมเต็มรูปจะเกิดความเสียหายต่อฐานะการคลังของประเทศ เพราะเป็นนโยบายที่ฉาบฉวย หวังแต่คะแนนเสียง

ช่วงแรกที่เกิดเสียงต่อต้าน ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยต่างรนพอควร และเมื่อนโยบายไม่มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ต่างคนก็ต่างพูดคนละทิศคนละทาง จนไม่เป็นผลดี เพราะเป็นการผูกมัดมากขึ้น

พรรคเพื่อไทยจึงแก้ลำ สั่งห้ามทีมเศรษฐกิจพูด ให้ทุกอย่างมาจากปากยิ่งลักษณ์คนเดียว แต่เมื่อได้ข้อสรุปว่า นโยบายแต่ละเรื่องจะเดินหน้าอย่างไร ก็ให้ทุกคนช่วยกันชี้แจงเพื่อลดแรงกดดัน

แม้จะชี้แจงอย่างไร กระทั่งโยนความผิดไปให้ผู้ประกอบการดื้อๆ ที่ไม่ยอมขึ้นค่าจ้าง ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถรักษาคำมั่นสัญญาได้

หรือบิดประเด็นให้เป็นเรื่องชนชั้นว่าอำมาตย์คือ นายจ้าง ไม่ยอมขึ้นค่าจ้างให้ลูกจ้างที่เป็นไพร่ เพื่อรักษาคะแนนของคนชั้นล่าง

แต่เมื่อเพื่อไทยยอมรับตรงๆ ว่า การเพิ่มค่าจ้าง 300 บาทเป็นเรื่องโม้ว่า จะ “ทำทันที” ถ้าทำได้ก็แค่บางจังหวัด อย่างมากสุดก็ต้นปี ม.ค. 2555 ที่อาจเพิ่มได้ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ก็ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัดพอควร

นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ของเพื่อไทยที่เผชิญกับความไม่เชื่อมั่นตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน...

ไม่เฉพาะระเบิดจากการหาเสียงขึ้นค่าจ้าง 300 บาทที่เป็นกำลังเป็นบ่วงรัดตัว

ทว่า นโยบายหลายเรื่องที่เคยสัญญาก็เริ่มส่ง “สัญญาณถอย” หรือพูดไม่เหมือนตอนที่หาเสียงไว้

เช่น ยิ่งลักษณ์เคยประกาศที่จะยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สุดท้ายก็ไม่กล้ายกเลิก ออกมายอมรับว่า ต้องคงกองทุนน้ำมันฯ ไว้ ที่พูดแค่ต้องการยกเลิก “การส่งเงิน” นำเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในระยะสั้น

โครงการถมทะเลอ่าวไทยสร้างเมืองใหม่ที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อป้องกันน้ำท่วม ที่พรรคเพื่อไทยขายฝันจะแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้แน่ แถมเมืองใหม่ที่จะเนรมิตขึ้นมาจะช่วยสร้างเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อเป็นเมกะโปรเจกต์ยักษ์กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต ในที่สุดปลอดประสพ บอกว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยเขียนว่าจะทำทันที แต่จะศึกษาก่อนใช้เวลา 1 ปี

ยังมีนโยบายที่รอท้าทายอีกหลายตัว แม้ว่าบางนโยบายจะทำได้ แต่ก็อาจเกิดผลกระทบจนสร้างปัญหา เช่น การนำระบบจำนำข้าวมาใช้โดยข้าวเปลือก 1.5 หมื่นบาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 2 หมื่นบาท ขึ้นเงินเดือนระดับปริญญาตรีให้กับข้าราชการและรัฐวิสาหกิจเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก และผู้ซื้อรถคันแรก

สร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายใน กทม. โดยเก็บค่าบริการ 20 บาท ตลอดสาย ทำรถไฟรางคู่เชื่อมชานเมืองทั้งหมด ทำรถไฟความเร็วสูง ไป จ.เชียงใหม่ โคราช และระยอง ขยายแอร์พอร์ตลิงก์ไปฉะเชิงเทรา ไปชลบุรี ไปพัทยา โครงการแลนบริดจ์ภาคใต้ ทำสะพานเศรษฐกิจเชื่อม 2 ฝั่งระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย

เหล่านี้คือ ระเบิดลูกใหญ่ที่จะบอมบ์เพื่อไทย ทุกอย่างรอการพิสูจน์จาก “ทักษิณยิ่งลักษณ์”