posttoday

นลินียันไม่ออก-แจงสัมพันธ์มูกาเบแค่เพื่อน

22 มกราคม 2555

"นลินี"แถลงไม่ทิ้งเก้าอี้รมต. อ้างไม่ได้ติดแบล็คลิสต์แต่ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน ย้ำความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีซิมบับเวแค่เพื่อน ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน

"นลินี"แถลงไม่ทิ้งเก้าอี้รมต. อ้างไม่ได้ติดแบล็คลิสต์แต่ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน ย้ำความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีซิมบับเวแค่เพื่อน ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน 

นลินียันไม่ออก-แจงสัมพันธ์มูกาเบแค่เพื่อน

นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนชี้แจงกรณีมีชื่ออยู่ในแบล็คลิสต์ของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ไม่ได้อยู่ในบัญชีดำ ถูก ห้ามเข้าประเทศสหรัฐ โดยยังคงเดินทางเข้าสหรัฐฯได้ โดยสิ่งที่สหรัฐอเมริกาโดยกระทรวงการคลังของสหรัฐ สำนักงานการควบคุมสินทรัพย์ของชาวต่างประเทศ ประกาศออกมาก็คือมาตรการด้าน Financial Sanctions หรือการคว่ำบาตรทางการเงินต่อตนเอง

"การ Sanctions  ดังกล่าว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ห้ามการทำมาค้าขายกับดิฉันในฐานะส่วนตัว และรวมถึงห้ามดิฉันไปถือครองสินทรัพย์ในสหรัฐฯ  โดยขอบเขตของการบังคับจะเฉพาะคนสหรัฐเอง ไม่มีความเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น หรือรัฐบาลของประเทศอื่น ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยว่ากรณีของดิฉันอาจจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจของชาติในวงกว้าง และขอย้ำว่าไม่ได้รวมถึงการห้ามดิฉันเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา"นางนลินีกล่าว

ทั้งนี้ในปี2546 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ทำการคว่ำบาตรประเทศซิมบับเว โดยให้เหตุผลว่าประเทศซิมบับเวมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยโดยให้มีการคว่ำบาตรต่อสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร  รวมทั้งกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือกับผู้ถูกคว่ำบาตรด้วย

"สหรัฐใช้อำนาจคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่เปิดทางให้ผู้ที่ถูกคว่ำบาตรชี้แจงแต่อย่างใด ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้สำนักงานกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาและอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานสืบสวนของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ)ยื่นหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงและหลักฐานมากว่า3 ปีแต่ก็ปราศจากคำตอบอย่างใดทั้งสิ้น"นางนลินีกล่าว

นางนลินียืนยันว่า ความสัมพันธ์กับ ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ของซิมบับเว เป็นเพียงเพื่อนมิตรกัน เนื่องจากได้รู้จักกันเมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2545 จากนั้นประธานาธิบดีมูกาเบ้ก็ได้เดินทางมาพักผ่อนในไทยหลายครั้งจึงได้มีโอกาสต้อนรับประสานงานเรื่อยมา โดยยืนยันว่าไม่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง

"ดิฉันหวังจะใช้ความรู้ความสามารถและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำประเทศระดับสูงที่มีอยู่เข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ แต่ถูกดึงเอาความเป็นเพื่อนที่ดิฉันมีอยู่ การประกาศคว่ำบาตรมาเป็นสิ่งที่โจมตี   และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการใช้คำที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งหมด"นางนลินีระบุ

นางนลินีระบุด้วยว่า จะขอให้ความรู้ รวมทั้งความสัมพันธ์ระดับนานาชาติ ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างเต็มที่ และขอให้ประชาชนโอกาสทำงานสักระยะหนึ่ง แล้วจะขอพิจารณาตัวเองว่าตัวเองสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเต็มที่ได้หรือไม่

นลินียันไม่ออก-แจงสัมพันธ์มูกาเบแค่เพื่อน

โชว์จดหมายเอฟบีไอแจงมะกันยันไม่เคยทำธุรกิจกับมูกาเบ้

นางนลินี ได้แสดงจดหมายที่นายทอม ลอร์ด เจ้าหน้าที่พิเศษ เอฟ.บี.ไอ (นอกราชการ) ทำเรื่องชี้แจงต่อนายอดัม เจ ซยูบิน ผอ.สำนักงานการควบคุมสินทรัพย์ของชาวต่างประเทศ กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา และเนื้อหาในจดหมายได้มีการระบุถึงการประกาศคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐ

ทั้งนี้ เอกสารระบุว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2008 สำนักงานการควบคุมสินทรัพย์ของชาวต่างประเทศ ได้ประกาศกล่าวหา นางนลินี จอย ทวีสิน ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักธุรกิจชาวไทย ว่ามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจในนามของประธานาธบดี โรเบิร์ต มูกาเบ้ และนางเกรซ มูกาเบ้ ภริยา ซึ่งการกระทำของสำนักงานดังกล่าว ทำให้เกิดการพิทักษ์ทรัพย์สินของนางนลินี ในขอบเขตอำนาจกฎหมายของประเทศสหรัฐ รวมทั้ง ห้ามดำเนินการทางด้านการเงินและการค้าขายกับคนอเมริกัน

นอกจากนี้ นายอดัม ยังระบุว่า ตนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งต่อมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งให้นางนลนี เข้าดำรงตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว นางนลินี ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของสำนักงานการควบคุมทรัพย์สินของชาวต่างประเทศ

รวมทั้ง ได้มีการปรึกษาทางด้านกฎหมายเพื่อการโต้แย้งการกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับครอบครัวของประธานาธิบดีมูกาเบ้แต่อย่างใด นอกจากนี้ นายทอม ยืนยันว่า นางนลินีไม่เคยได้รับการพูดคุยสอบถามจากเจ้าหน้าที่ของทางการรัฐบาลสหรัฐแต่อย่างใดทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยกำลังนำกรณีดังกล่าวขึ้นมาหารือกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางสหรัฐต่อไป บนพื้นฐานความสัมพันธ์ในระดับประเทศที่ดีต่อกัน โดยจะได้มีการดำเนินการติดตามกรณีดังกล่าวตามช่องทางที่เหมาะสมต่อไป