posttoday

คลี่คดี 5 กะโหลกปริศนา ปิดฉากมนต์ดำแก๊ง ‘ปั้นเหน่ง’

07 พฤษภาคม 2555

โดย...วัสยศ งามขำ

โดย...วัสยศ งามขำ

ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้โลกเชื่อมติดกันด้วยเวลาเสี้ยววินาที แต่อีกมุมหนึ่งของบ้านเรายังคงหลงใหล “ไสยศาสตร์มนต์ดำ” นั่นทำให้แก๊งต้มตุ๋นที่หากินด้วยการหลอกล่อเหยื่อยังคงอิ่มหนำ ทำให้ตำรวจต้องออกไล่ล่าเหลือบสังคมเหล่านี้ ด้วยการแกะรอยหัวกะโหลกปริศนา 5 หัว ที่ลอยมาตามลำน้ำชานกรุง ก่อนที่จะตะครุบไว้ได้ยกแก๊ง

ตำรวจโรงพักธัญบุรี จ.ปทุมธานี เร่งไปตรวจกระสอบใบหนึ่งใต้สะพานข้ามคลองระพีพัฒน์ ย่านคลอง 13 ภายในถุงมีหัวกะโหลกปริศนา 5 หัวบรรจุอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจกะโหลกสีขาวทั้ง 5 หัว ถูกเจาะบริเวณหน้าผากเป็นรูดโบ๋ทั้งหมด ไม่กี่อึดใจหลังจากพบซากกะโหลก ชาวบ้านแห่มามุงดูกันแน่นถนน หลายเสียงวิจารณ์ถึงการฆาตกรรม ขณะที่หลายเสียงกระซิบกระซาบถึงอาถรรพ์ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการสะกดวิญญาณผู้เสียชีวิตปริศนา

คดีนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 ประชุมร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี และชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี ระดมสมองสืบหาที่มาของหัวกะโหลก ก่อนจบลงที่สมมติฐานที่เชื่อได้ว่า น่าจะมาจากฝีมือพ่อมดหมอผีที่ฝักใฝ่ในมนต์ดำ ข้อหนึ่งที่เชื่อได้ว่าไม่น่าจะเป็นการฆาตกรรมแล้วนำกะโหลกมาทิ้ง ก็เนื่องเป็นกะโหลกเก่า หน้าผากถูกเจาะจนเหมือนกันทั้งหมด เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำคุณไสยโบร่ำโบราณ

ด้วยความเก๋าเกมของนักสืบรุ่นใหญ่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ สั่งให้ทีมสืบสวนขึ้นไปทางต้นน้ำ เนื่องจากกระแสน้ำในคลองระพีพัฒน์ไหลมาจาก จ.นครนายก ลงมาที่ จ.ปทุมธานี ดังนั้นเป้าหมายหลักจึงอยู่ในพื้นที่ สภ.ธัญบุรี หรือไม่ก็ สภ.หนองเสือ เขตติดต่อกับ จ.นครนายก

เขาเชื่อว่าถุงบรรจุกะโหลกน่าจะลอยมาจากทางนั้น จึงให้ชุดสืบสวนออกหาข้อมูลเกี่ยวกับพ่อมดหมอผีในพื้นที่ดังกล่าวทันที เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของใครอื่นนอกเสียจากพวกมีมนต์ดำ

การตระเวนหาพ่อมดหมอผีไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพฤติกรรมของคนพวกนี้มักจะรู้กันอยู่แค่คนวงในเท่านั้น และยิ่งข่าวกระพือออกไปว่ามีการพบเจอกะโหลกมนุษย์ในย่านดังกล่าว ยิ่งทำให้คนพวกนี้ซุกตัวเงียบ แต่ความพยามของตำรวจก็ไม่ลดละ แม้ว่าหมอผีหลายคนจะถูกนำมาสอบสวนแล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้องก็ตาม

คลี่คดี 5 กะโหลกปริศนา ปิดฉากมนต์ดำแก๊ง ‘ปั้นเหน่ง’

 

จนกระทั่งตำรวจได้ข้อมูลว่า นายศิงขร หรือ พจน์ เครือแดง อายุ 41 ปี มีที่พักอยู่ย่านคลอง 13 เป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกได้ว่ามีอิทธิฤทธิ์ในเรื่องของการทำเสน่ห์ยาแฝด และน่าจะมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับหัวกะโหลก ชุดสืบสวนรายงานความคืบหน้าไปยัง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ทันที ก่อนที่เขาจะสั่งการมาว่า อย่าเพิ่งไปแตะตัวศิงขร เพราะหลักฐานอาจจะถูกทำลายได้

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ย้ำไปว่า ทางที่ดีควรที่จะหาพยานหลักฐานให้ได้ก่อนที่จะตามไปตะครุบตัวเจ้าของมนต์ดำรายนี้ ชุดสืบสวนจึงเริ่มควานหาตัวบรรดาคนที่น่าจะอยู่ร่วมก๊วนกับหมอผีแห่งคลอง 13 ไม่กี่ชั่วโมงก็พบว่า หมอผีรายนี้มีเด็กในคาถาที่เป็นลูกมืออยู่หนึ่งคนคือ นายวรเชษฐ์ หรือ ปาร์ค ถาวรเพียร หนุ่มวัย 18 ปี

ทันทีที่รับรู้ข้อมูล ตำรวจฝ่ายสืบสวนก็ตามไปเกี่ยวตัวหนุ่มปาร์คมาสอบปากคำเบื้องต้นทันที และแล้วก็เป็นอย่างที่คิด เด็กหนุ่มคายความลับอย่างง่ายดาย เขารับทันทีว่า เคยขโมยหัวกะโหลกศพไม่มีญาติจากวัดพิชิตปิตยาราม ย่านดังกล่าวมาให้กับหมอผีศิงขร ในราคาหัวละ 1,200 บาท

จากนั้นตำรวจได้ขอหมายศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของศิงขรที่เปิดเป็นมินิมาร์ตทันที และแล้วก็ได้คำตอบบนชั้นที่ 2 ของบ้านที่เปิดเป็นสำนักมนต์ดำ พร้อมกับเจอหลักฐานจำนวนมาก อาทิ เศษขี้เถ้า 2 ถุง เลื่อยไฟฟ้า 1 อัน กระดาษรูปอักขระ 4 ชิ้น เลื่อยฉลุ 1 อัน เครื่องคอมพิวเตอร์ เศษกระดูก 6 ชิ้น และตำราไสยศาสตร์อีก 8 เล่ม

ขณะที่ตัวศิงขรเองก็เปิดปากรับสารภาพว่า เป็นต้นตอของกะโหลกมนุษย์ทั้งหมด โดยชิ้นส่วนที่เจอนั้นได้ให้ลูกน้องไปเผาทิ้ง แต่กลับนำไปทิ้งน้ำ เลยทำให้กะโหลกลอยน้ำโผล่ขึ้นมาประจาน

คดีนี้ผู้ต้องหาสารภาพนำกะโหลกมาประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับคุณไสย ที่เรียกกันว่า “ปั้นเหน่ง” คือการเจาะกะโหลกมนุษย์มาทำพิธีกรรมและนำไปปั้นเป็นรูปหญิงชายสวมกอดกันเพื่อทำเสน่ห์ยาแฝด โดยลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแม่บ้านที่สามีทิ้ง และต้องการให้สามีกลับมาอยู่ด้วยจึงมาขอให้ทำเสน่ห์ โดยเขาเรียนรู้มาจากตำราที่หาซื้อมา แล้วลงมือศึกษาด้วยตัวเอง โดยไม่ได้คิดค่าใช่จ่ายอะไรมากมายนัก

“เขารับสารภาพด้วยว่าไม่ค่อยจะได้ผล ไอ้ส่วนที่ได้ผลก็เพราะฝ่ายหญิงเชื่อคำแนะนำที่ตัวผู้ต้องหาบอกไปว่า ไม่ให้พูดคำหยาบหรือด่าสามี ตัวสามีก็เลยกลับบ้าน เพราะเมียไม่ด่า เขาว่าอย่างนั้น” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ บอก

สำหรับกะโหลก 5 หัว ที่พบบริเวณตอม่อใต้สะพาน ศิงขรรับว่าเป็นคนขโมยมาจากสุสานเม่งหุย หรือมูลนิธิไตรสรณะพุทธสมาคมชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาไปชี้หลุมที่ขุด และให้ตามญาติคนตายมาชี้หลุมศพยืนยันเพื่อเป็นหลักฐานในทางคดี ซึ่งก็พบว่าศพที่ไปขุดขึ้นมาไม่มีกะโหลกจริงตามที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าขโมยไป

อย่าเชื่อใครง่ายจะตกเป็นเหยื่อ

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 เตือนไปยังชาวบ้านด้วยว่า อย่าไปหลงเชื่องมงายกับเรื่องมนต์ดำว่ามีอยู่จริง เพราะอย่าคดีนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หมอไสยศาสตร์อย่างศิงขร ก็ไม่ต่างอะไรไปจากแก๊งต้มตุ๋นดีๆ นี่เอง