หนึ่งวันของสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช ทรงประกอบกิจเพื่อพระศาสนา ประชาชนและชาวโลกได้อย่างอเนกอนันต์ พระองค์ทำได้อย่างไร พิจารณาได้จากพระจริยวัตรของพระองค์
สมเด็จพระสังฆราช ทรงประกอบกิจเพื่อพระศาสนา ประชาชนและชาวโลกได้อย่างอเนกอนันต์ พระองค์ทำได้อย่างไร พิจารณาได้จากพระจริยวัตรของพระองค์
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประกอบกิจเพื่อพระศาสนา ประชาชนและชาวโลกได้อย่างอเนกอนันต์ พระองค์ทำได้อย่างไร พิจารณาได้จากหนึ่งในพระจริยวัตรของพระองค์ท่าน ซึ่งคณะศิษย์ได้ร่วมถ่ายทอดไว้ใน “พระผู้เจริญพร้อม” งานฉลองพระชนมายุ 100 พรรษา ถวายแด่พระองค์ท่าน ดังนี้
ก่อนไก่ขันถึงเที่ยงวัน
พระกิจวัตรประจำวันของพระองค์เริ่มเมื่อทรงตื่นบรรทมและเข้าสู่กิจกรรมของวันใหม่ตั้งแต่ก่อนรุ่งอรุณ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเวลาตีสี่ของทุกวัน โดยทรงปฏิบัติอย่างนี้มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์
หลังตื่นบรรทมจะเริ่มเจริญพระพุทธมนต์บทต่างๆ บางครั้งก็ทบทวนพระปาติโมกข์แล้วทรงนั่งสมาธิจนกระทั่งแสงทองจับขอบฟ้า พอเห็นลายมือได้ก็เป็นเวลาออกดำเนินบิณฑบาต
เสด็จออกประตูต่างๆ ของวัดไปโปรดประชาชน โดยไม่ได้ยึดว่าจะต้องใช้เส้นทางใดเป็นประจำ บางวันเสด็จไปทางหลังวัดตรีทศเทพ หรือไปทางตลาดบางลำพู บางวันก็ไปท้ายวัด ไปตรอกบวรรังษี
กลับจากบิณฑบาตแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่ทรงรับแขก มีญาติโยม หรือบางทีก็เป็นพระภิกษุสามเณร เดินทางมาจากที่ใกล้บ้าง ที่ไกลบ้าง เข้ามาถวายสักการะ พระองค์จะทรงสนทนาด้วย โดยใช้เวลาปฏิสันถารต้อนรับญาติโยมในช่วงเช้าประมาณ 1 ชั่วโมง
เสร็จจากรับแขกช่วงเช้าก็เป็นเวลาเสวย และนั่นเป็นช่วงพระภิกษุสามเณรในปกครองจะมาเฝ้ารายงานเรื่องต่างๆ หรือมาลาเพื่อขออนุญาตออกนอกวัด
พระองค์จะเสวยโดยใส่ทุกอย่างรวมลงในบาตร
ทรงนิยมเสวยผักและจะเสวยอาหารมังสวิรัติทุกวันพระ ระยะหลังๆ มานี้จะไม่เสวยสัตว์ปีกและสัตว์ใหญ่
เมื่อทรงอาพาธ ทางโรงพยาบาลจะดูแลเรื่องอาหาร แม้ไม่ได้ทรงรับบาตรจากญาติโยมแล้ว แต่ถ้ามีผู้นำมาถวายจะโปรดให้เอาขึ้นมาเปิด นำขึ้นโต๊ะเสวยทั้งหมด เพื่อทรงอนุโมทนาประทานพรให้ผู้นำมาถวายทั้งหมด
ระหว่างเสวย โปรดให้สามเณรหรือศิษย์อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยให้ฟัง ถ้าเป็นภาษาอังกฤษบางทีจะทรงถามศัพท์ว่าแปลว่าอย่างไร และถ้าอ่านออกเสียงผิดก็จะทรงเมตตาแก้ให้
หลังจังหันประมาณ 8 โมง หรือ 9 โมงเช้า ถ้าไม่มีกิจนิมนต์ บางวันอาจจะบรรทมสักครึ่งชั่วโมง
ปกติแล้วจะเสวยเพียงมื้อเดียว แต่เมื่อเสด็จไปเสวยเพลในวังตามที่มีการอาราธนาจะทรงจิบน้ำชาแทน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงเรียกเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ว่า “หลวงปู่” ทรงห่วงหลวงปู่ว่า วันไหนมีคนมาเฝ้ามากจะเลยเวลาเสวย ซึ่งมักจะเป็นเช่นนั้นเสมอ จึงทรงมีลายพระหัตถ์เขียนป้ายบอกให้ผู้ที่จะมาเฝ้ารอก่อนหากถึงเวลาเสวย
ถ้าทรงมีเวลา สิ่งที่สมเด็จพระสังฆราชโปรดจะทำคือ อ่านหนังสือ แต่โดยมากแล้วจะมีพระภารกิจนอกวัดมากมาย
ทรงรับนิมนต์ตามเวลาที่ว่าง ไม่เคยเลือกว่าเป็นงานเล็ก งานใหญ่ หรือใครเป็นคนจัด
พระองค์ตรัสเสมอว่า “ที่นี่ เป็นพระของประชาชน จะไปลำเอียง ไม่รับงานโน้นงานนี้ไม่ได้”
คำว่า “ที่นี่” เป็นคำที่พระองค์มักใช้เรียกแทนพระองค์เองกับคนสนิทและในหมู่ญาติๆ
นานๆ ครั้งก็จะทรงใช้คำแทนพระองค์เองว่า “เรา” ส่วนคำว่า “อาตมา” จะทรงใช้กับคนทั่วไป
เวลาเสด็จออกนอกวัด จะไม่ทรงสวมรองพระบาท จะทรงสวมเฉพาะจากหน้ากุฏิ เมื่อถึงรถพระประเทียบจะถอดออก ทรงนิยมดำเนินด้วยพระบาทเปล่า
เวลาประทับในรถ ส่วนใหญ่จะทรงเจริญพระพุทธมนต์ ฝึกกรรมฐาน จะทรงซ้อมบทสวดมนต์ตลอด บทสวดที่ทรงประจำคือ สวดมนต์เจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน รวมถึงพระปาติโมกข์
ช่วงบ่ายจรดเที่ยงคืน
พอเสด็จกลับจากงานนิมนต์ ถ้าเป็นช่วงในพรรษา เวลาบ่ายโมงตรง จะลงสอนพระใหม่ แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงพรรษาก็จะทรงงานค้นคว้าที่ค้างไว้
หลังจากนั้นจะทรงต้อนรับปฏิสันถารกับญาติโยมรอบบ่ายราวบ่ายสองถึงบ่ายสามโมง สุดแต่ว่าจะมีผู้มาเฝ้ามากน้อยขนาดไหน
ห้าโมงเย็น เป็นเวลาเสวยกาแฟ และพักอิริยาบถ บางคราวก็ใช้ช่วงนี้ออกตรวจพระอาราม
ถึงสองทุ่มจะทรงลงอุโบสถ ทำวัตรเย็น ถ้าไม่ลงพระอุโบสถก็ทรงทำวัตรเย็นที่พระตำหนัก เสร็จแล้วถ้าวันไหนไม่ได้ทรงเดินตรวจวัดตอนเย็นก็จะออกตรวจวัดในตอนนี้
จากนั้นจะทรงเดินจงกรมหน้าพระตำหนักราวครึ่งชั่วโมงแล้วสรงน้ำ ก่อนจะทรงงานต่อในช่วงกลางคืน เช่น เตรียมธรรมบรรยาย ฯลฯ
ทรงเข้าบรรทมเวลาเที่ยงคืน
เตียงพระบรรทมนั้นเล็กมากเพียงพอดีองค์ ทางด้านศีรษะจะสูงขึ้นเล็กน้อย ปลายพระบาทมีโต๊ะวางต่อมาอีกตัวหนึ่งเป็นที่วางพัดลม ปกติแล้วจะทรงบรรทมในท่าตะแคงและบรรทมแบบมีสติ
ทรงบรรทมเฉลี่ยคืนละ 3-4 ชั่วโมง
ด้วยพระจริยวัตรเหล่านี้ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ทรงจัดสรร 24 ชั่วโมงของพระองค์ได้อย่างน่าทึ่งและเป็นประโยชน์อเนกอนันต์
เมื่อจากไปจึงเป็นอาวรณ์ของประชาชนทั่วไป