ปึ้งชี้ศาลเห็นต่างแก้รธน.ต้องแจงสังคมได้

“สุรพงษ์”ยกรธน.ยันสส.-สว.มีอำนาจออกกฎหมาย เปรยศาลเห็นต่างต้องตอบสังคมให้ได้ ระบุนายกฯพร้อมแจงซักฟอก

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในกรณีคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ประเด็นที่มาของสว.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่า เมื่อดูตามรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้อย่างชัดเจน คือ สส.และสว.มีอำนาจทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ไม่ว่ากฎหมายอะไร อีกทั้งในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ ดังนั้น การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ก็ต้องชี้แจงต่อสังคมให้ได้

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวจะเป็นการกดดันศาลหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิในการแสดงออก เช่นเดียวกับกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้ อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญมีรูปแบบเหมือนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ที่มีคำวินิจฉัยให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันได้ ด้วยการเจรจาอย่างมีเหตุผล

“หากศาลรัฐธรรมนูญคิดได้ในวันนี้ก็ยังไม่สาย จึงอยากฝากไปยังศาลรัฐธรรมนูญเผื่อว่าจะทัน หันไปแก้คำวินิจฉัยให้ออกมาในแนวทางที่สังคมไทยสามารถอยู่ต่อไปได้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องรู้จักให้อภัยคน และคิดกันใหม่ คิดถึงประเทศให้มากขึ้น ศาลต้องทำหน้าที่ให้เป็นกลาง มีจิตใจเป็นธรรม”นายสุรพงษ์ กล่าว

ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มากระซิบว่าอยากให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และพร้อมจะตอบ เพราะถือเป็นการทำงานในระบบสภาผู้แทนราษฎร ดีกว่าไปเล่นกันบนถนน เพราะอภิปรายด้วยเหตุผล

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าประธานรัฐสภาจะมีท่าทีเคร่งครัดมากกว่าทุกครั้ง นายสุรพงษ์ กล่าวยืนยันว่า ในสมัยที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ยื่นถอดถอนและยื่นต่อป.ป.ช. ดังนั้น การจะรับ ก็ต้องดูเนื้อหาเพื่อจะได้ตอบให้ตรงประเด็น เพราะหากมีการอภิปรายไม่ตรงประเด็น เหมือนครั้งก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายนอกเรื่อง ไม่ตรงประเด็น สุดท้ายก็ต้องขอถอนเรื่องออกไปเอง

เมื่อถามอีกว่า คิดว่าใครจะเป็นเป้าที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า “ก็ขอให้ดูเอา แต่นายกฯ เตรียมพร้อมไว้ดีมาก ก็อยากให้ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมไว้ให้ดีด้วยแล้วกัน เพราะจะถูกอภิปรายกลับด้วย เสียดายที่ไม่ได้อภิปรายเรื่องพระวิหาร ไม่อย่างนั้นจะได้ชี้แจงให้สังคมได้รับรู้ ให้ได้ยินได้ฟังไปว่าใครกันแน่ที่ทำให้เสียหาย ทำให้เสียแผ่นดิน”