เกมแพ้ เกมชนะ
“ไม่แพ้ก็ชนะ ธรรมดากฎเกณฑ์... ”
“ไม่แพ้ก็ชนะ ธรรมดากฎเกณฑ์... ”
เวลาเครียดๆ ถ้าได้ฟังเพลงซึ้งๆ เพราะๆ ก็จะทำให้สบายใจขึ้น อย่างเวลานี้ที่เราอยู่ในสถานการณ์ของความตึงเครียดนานัปการ ตั้งแต่ความเครียดที่ว่าเมื่อไหร่การขับไล่นายกฯ และรัฐบาลนี้จะประสบชัยชนะ ระหว่างนี้จะมีเหตุการณ์รุนแรงอีกไหมและทางออกที่จะแก้ปัญหาจะเป็นอย่างไร วันนี้จึงอยากจะรายงานสถานการณ์ที่ประมวลได้ให้ทุกท่านทราบเพื่อความสบายใจ
ขณะนี้มวลชนฝ่ายระบอบทักษิณและสื่อที่เชลียร์รัฐบาลพยายามประโคมข่าวว่าม็อบฝ่ายมวลมหาประชาชน หรือ กปปส.กำลังอยู่ในภาวะ “ขาลง” โดยให้ข้อมูลว่าคนกำลังเบื่อหน่ายต่อการ Shutdown กรุงเทพฯ ของมวลมหาประชาชน ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งจากคนที่รำคาญและอึดอัดหงุดหงิดไม่เห็นด้วยกับการปิดล้อมกรุงเทพฯ และยึดสถานที่ราชการ และอีกส่วนหนึ่งจากกลุ่มผู้ที่มาร่วมชุมนุมเองที่ว่ากันว่ามีบางคนเริ่มท้อแท้และท้อถอย
เสาร์และอาทิตย์สัปดาห์ก่อน ผู้เขียนได้ไปประสานงานการสอบของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่โรงเรียนศรัทธาสมุทร จ.สมุทรสงคราม ได้คุยกับเพื่อนอาจารย์ที่ไปด้วยกันเกี่ยวกับสถานการณ์การปิดล้อมกรุงเทพฯ ของมวลมหาประชาชน อาจารย์คนนี้ออกจะเป็นแนวคนเสื้อแดงก็เลยคุยกันด้วยความระมัดระวัง ประเด็นที่ผู้เขียนสนใจเป็นพิเศษก็คือประเด็นที่อาจารย์คนนี้แกยกขึ้นว่า ขณะนี้การต่อสู้ของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ กปปส. และมวลมหาประชาชนกำลังจะประสบกับความพ่ายแพ้ ซึ่งแกพูดง่ายๆ ว่า “คนเบื่อแล้ว”
ผู้เขียนไม่เถียงอะไรแกมากมาย เพราะอยากจะให้แกระบาย “ความคิดความเชื่อ” ที่แกมีอยู่ออกมาให้มากที่สุด เพื่อเอามาวิเคราะห์กับข้อมูลที่มีอยู่ เปรียบเทียบว่ามีอะไรที่พอจะเอามาใช้ประโยชน์ได้บ้าง เพราะอย่างน้อยสิ่งที่แกระบายออกมานี้ก็เป็นแนวคิดในกลุ่มของคนเสื้อแดง ซึ่งถ้าได้ทราบความรู้สึกหรือความในใจของคนพวกนี้ บางทีก็อาจจะนำมาใช้แก้ปัญหาของวิกฤตบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เป็นต้นว่า การหาทางสมานฉันท์ในกรณีที่เป็นความเชื่อหรือเข้าใจผิดๆ ที่อาจจะต้องให้เวลาหรือใช้กระบวนการสื่อสารให้มีการเปิดเผยความจริงออกมาเป็นลำดับ แต่ถ้าเป็นความเชื่อแบบลุ่มหลงไม่ฟังเหตุผล ก็จะได้แยกแยะแบ่งไว้เป็นพวกๆ เพื่อแก้ปัญหาเป็นกลุ่มๆ
จากการพูดคุยกันทำให้ผู้เขียนเกิดความเข้าใจในระดับหนึ่งว่า มวลชนของทั้งสองฝ่ายนี้ยังประเมินกันและกันผิดพลาดอยู่มาก เพราะในส่วนของผู้เขียนเองก็มีข้อมูลจากมวลชนในฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณว่าค่อนข้างจะ “กลัว” ทักษิณ และลิ่วล้อบริวารของทักษิณ “มากเกินไป” ในทำนองเดียวกันจากข้อมูลของอาจารย์เสื้อแดง ก็ทำให้ทราบว่าคนเสื้อแดงเองก็ “หวาดหวั่น” ขบวนการ กปปส.และมวลมหาประชาชนอยู่ไม่น้อย ซึ่งถ้าสิ่งที่อาจารย์คนนี้พูดเป็นความจริงเป็นส่วนใหญ่ ก็น่าจะมองเห็นถึงชัยชนะของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณได้ว่า “กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้ “สะกดรอย” ข้อมูลของฝ่ายนักวิชาการคนเสื้อแดงผ่านการแชตในห้องไลน์และเฟซบุ๊ก ทุกครั้งที่กำนันสุเทพประกาศยกระดับการชุมนุม คนพวกนี้มักจะพูดคุยกันอย่างเสียดสีและกระแนะกระแหนในทำนองว่า “มันจะซักเท่าไหร่” แต่พอในแต่ละครั้งมีผู้ชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ พวกนี้ก็จะมาซุบซิบกันอย่างเสียหน้าว่า “มันเป็นไปได้อย่างไร” ที่ตลกที่สุดก็คือในช่วงวันเด็กเมื่อ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้สื่อสารกันอย่างตื่นตระหนก เช่น แจ้งกันว่าน่ากลัวจะมีการปฏิวัติถึงขนาดนัดกันว่าถ้ารถถังของทหารที่เอามาโชว์ในงานตามสถานที่ต่างๆ ไม่กลับที่ตั้งใน 23 วันหลังงานวันเด็ก คงจะต้องนำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาเดินขบวน (ฮา)
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เขียนยังได้แอบอ่านความคิด “ระยำๆ” ของคนพวกนี้หลายเรื่อง อย่างตอนที่มี “สตรีสูงศักดิ์” ออกมาแชร์ความเห็นในเรื่องการประดับตกแต่งตนเองด้วยริบบิ้นและอุปกรณ์สีธงชาติว่า “คงจะเป็นกบฏด้วยอีกคนหนึ่ง” คนพวกนี้ก็ส่งต่อภาพและข่าวสารออกไปอย่างวุ่นวายเหมือนเสียสติ บางคนถึงกับเสนออะไรบ้าๆ ออกมา เช่น ต้องร่วมกันแก้มาตรา 112 ของกฎหมายอาญาให้ได้ หรือ “ถ้าจะเอากันอย่างนี้ก็ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่หัวหินเสียเลย”
ดูพวกมันคิด ระยำและจัญไรจริงๆ
แต่ถ้าเรามองกรณีเหล่านี้อย่างมีสติก็จะเกิดปัญญาหรือ “ความรู้” ขึ้นได้ว่า คนที่อยู่ในภาวะ “ประสาทเสีย” ถ้าไม่อยู่ในภาวะ “ตรีทูต” คือใกล้ตาย ก็ต้องอยู่ในภาวะที่ควบคุมตนเองไม่ได้ หรือ “คนบ้า” นั่นเอง และคนที่อยู่ในอาการลักษณะนี้ก็คงยากที่จะ “ต่อสู้” หรือคิดสร้างสรรค์แก้ไขอะไรได้ มองได้อย่างเดียวว่าคนพวกนี้น่าจะกำลังจะถึงจุดจบ เพียงแต่ว่าจะ “ช้าหรือเร็ว” เท่านั้น
อาจารย์เสื้อแดงให้ข้อมูลที่ย้ำความเชื่อของผู้เขียนในความพ่ายแพ้ของระบอบทักษิณอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องที่พอจะฟังอย่างเป็นเหตุเป็นผลก็มีไม่มาก เช่น เรื่องการรับจำนำข้าวที่จะทำให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเสียฐานมวลชนในระดับรากหญ้าไปเป็นจำนวนมหาศาล เรื่องการกระทำโง่ๆ ห่ามๆ ของคณะ ศรส.ที่จะทำให้รัฐบาลดูตลกขบขันและกลายเป็นรัฐล้มเหลว หรือเรื่องการตัดสินคดีความของศาลและองค์กรอิสระต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ รวมทั้งเรื่องความเชื่อในการกลัวอำมาตย์กับคนชั้นสูงที่ยังฝังหัวคนเสื้อแดงเหมือนเป็น “ดีเอ็นเอ” ประจำสายพันธุ์
คนพวกนี้ยังเชื่อว่าเบื้องหลังการขับเคลื่อน กปปส.ของกำนันสุเทพและมวลมหาประชาชน มีเหล่าอำมาตย์อยู่เบื้องหลัง เพื่อปกป้อง “คนชั้นสูง” ให้ปลอดภัยจากการล้มล้างของระบอบทักษิณ (ที่จริงคือตัวทักษิณเองนั่นแหละ) เพราะทักษิณจะไปแก้รัฐธรรมนูญให้ลดทอนอำนาจของอำมาตย์ ซึ่งจะส่งผลต่อการ “กลั่นกรอง” ราชการต่างๆ ที่จะต้องผ่านอำมาตย์ ที่สุดคือการควบคุมการสืบทอดอำนาจของคนชั้นสูง ถึงขั้นจินตนาการว่าจะเกิดศึกระหว่างคนชั้นสูง
เพราะสายพันธุ์มันเลว จึงได้คิดชั่วอย่างนี้
ผู้เขียนกำลังสื่อสารกับคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณว่า ฝ่ายรัฐบาลกำลังประสาทเสีย เหมือนหมาบ้าที่กำลังจนตรอก อาการหน้าด้านหน้าทนที่รัฐบาลนี้แสดงอยู่ก็คือปฏิกิริยาสุดท้ายของคนที่ไร้เกียรติหมดความเชื่อถือจะแสดงออกได้ ดังนั้นจึงอย่าได้กลัวเกรง ส่วนหนึ่งเพราะเราได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ทุกคนแล้ว นั่นก็คือปณิธานอันมุ่งมั่นว่า “ล้างความชั่ว ไล่คนชั่ว”
หากมวลมหาประชาชนสู้อย่างมีสติ จงเชื่อมั่นเถอะว่าสิ่งที่กำลังกระทำร่วมกันอยู่นี้คือ “ความดี” ซึ่งก็ไม่ใช่ความดีเพื่อตัวเราเอง แต่เป็นความดีเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อลูกเพื่อหลานของเรา พี่น้องคนเสื้อแดงที่ “คิดพลาด คาดผิด” อะไรไปก็สามารถมาร่วมกันทำความดีกันใหม่ได้
เกมแพ้คือคิดบ้าๆ เกมชนะคือคิดดีๆ