วัดมหาสมณาราม และลิงเพชรบุรี
โครงการวัฒนธรรมสัญจร ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร เชิญชวนผู้สนใจในโบราณคดีไปตามรอยฝรั่ง
โครงการวัฒนธรรมสัญจร ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร เชิญชวนผู้สนใจในโบราณคดีไปตามรอยฝรั่ง เล่าความหลังเมืองพริบพรี (เพชรบุรี) เมื่อวันที่25-26 เม.ย.นั้น รวมวัดมหาสมณารามที่อยู่เชิงเขาวัง หรือพระนครคีรีไว้ในโปรแกรมการเดินทางด้วย วัดโบราณ ร.4 สถาปนา
การหาทางเข้าวัดนี้ง่ายมาก เพราะอยู่ทางเดียวกับทางขึ้นเขาวัง ก่อนที่จะมีเคเบิลคาร์ ทุกคนที่จะขึ้นเขาวังต้องใช้เส้นทางนี้ขึ้นและลง ปัจจุบันมีเคเบิลคาร์ บางคนขึ้นเคเบิลคาร์แล้วเดินลงก็จะพบวัดมหาสมณาราม หรือถ้าไม่ขึ้นชมวังก็แวะวัดได้เช่นเดียวกัน
วัดนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สถาปนา จึงไม่ต้องแปลกใจที่วัดนี้ต้องเป็นวัดสำหรับพระสงฆ์สายธรรมยุต (ซึ่ง อ.เมือง มี 6 วัด)
หนังสือ ตามรอยฝรั่ง เล่าความหลังเมืองพริบพรีกรมศิลปากร พิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. 2557 พิมพ์บันทึกการเดินทางสู่เพชรบุรีของ FrankVincent Jun พ.ศ.2414-2415 พูดถึงการเดินทางมาเมืองเพชรบุรี ที่ได้พบกับมิชชันนารีชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงคือ ยอร์จบี. แมคฟาแลนด์ หรืออำมาตย์เอกพระอาจวิทยาคมที่ตั้งบ้านเรือนในเมืองเพชรบุรี พูดถึงสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจที่สุดในเมืองเพชรบุรีนี้ คือ อาคารในส่วนที่เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่ง สวป.(สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์) ได้ทำเชิงอรรถาธิบายว่า
เนินเขาเตี้ย คือ ภูเขาเป็นที่ตั้งพระนครคีรีประกอบด้วยยอดเขาใหญ่ 3 ยอด ยอดสูงที่สุดมีความสูง 95 เมตร เดิมชาวบ้านเรียกเขาสมน ที่บริเวณไหล่เขาด้านทิศตะวันออกมีวัดเก่าแก่อยู่วัดหนึ่ง ชื่อวัดมหาสมณะ
ในหมายรับสั่งรัชกาลที่ 4 เรียกเขาลูกนี้ว่า เขามหาสมณะ ต่อมาใน พ.ศ. 2404 เรียกว่า เขามหาสวรรค์ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรง ผนวชได้เสด็จจาริกไปประทับที่วัดมหาสมณะเป็นประจำ และเสด็จประทับบนยอดเขาสมนด้วย
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร
ตั้งอยู่ในเขต ต.คลองกระแชง อ.เมือง เป็นวัดโบราณ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สร้างพระนครคีรีแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดแห่งนี้ พระราชทานนามว่า วัดมหาสมณารามแต่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดเขาวัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิด วรวิหาร
สวป.จัดให้คณะพวกเราชมวัดนี้ เนื่องด้วยมีสิ่งที่มีคุณค่าให้ชมจำนวนมาก นั่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถที่เขียนด้วยสีฝุ่น กล่าวกันว่าเป็นฝีมือของขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภาพเขียนขรัวอินโข่ง
การเขียนภาพของขรัวอินโข่งมีลักษณะเฉพาะตัว คือ จะวางภาพเต็มพื้นที่ทั้งหมด ไม่มีภาพเทพชุมนุมเรียงเป็นแถวแบบเดิม มีแต่ภาพเหล่าเทวดานางฟ้าปรากฏตามก้อนเมฆบ้าง
ภาพที่เขียนจะอยู่ในเนื้อเดียวกันทั้งหมด จะมีการแบ่งภาพเป็นตอนๆ ฉากหลังมักเป็นภาพธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร
ฝาผนังหน้าพระอุโบสถ เขียนภาพการเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาท ถือว่าเป็นภาพชิ้นเยี่ยมของพระอุโบสถประกอบด้วยทิวทัศน์อันงดงามมณฑปพระพุทธบาทตั้งอยู่บนไหล่เขาซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เบื้องล่างเป็นภาพที่มีความงามตามธรรมชาติ มีการจัดภาพอย่างงดงามลงตัว เป็นประโยชน์ในการศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้น ยังมีภาพเล่าเรื่องประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย ดังเช่น ภาพเกี่ยวกับพิธีศพ ที่เริ่มด้วยนำศพใส่โลง พิธีสวดอภิธรรม และการแห่ศพไปฌาปนกิจ
บุญเตือน ศรีวรพจน์ ผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานว่าต่างจากที่เคยเห็นเพราะมีพระ 2 รูป ถวายงานพัด แทนที่จะเป็นพระอัครสาวกซ้าย-ขวา หรือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร ยืนเฝ้าตามที่เห็นทั่วๆ ไป แต่ก็หาคำตอบไม่ได้
ลิงรื้อหลังคา
ผู้เขียนมีโอกาสสนทนากับพระที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ทราบถึงความทุกข์อย่างหนึ่งของพระสงฆ์ที่หาทางแก้ไขยาก ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดจากลิง
ท่านเล่าว่าวันดีคืนดีลิงมันขึ้นไปบนหลังคากุฏิหรือศาลาแล้วรื้อกระเบื้องโยนทิ้งลงมาเป็นแถบๆขณะที่ลิงมันรื้ออยากให้สื่อมวลชนมาเห็นเหลือเกิน
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ การขับไล่โดยชาวบ้านหรือศิษย์วัดที่ใช้หนังสติ๊กยิง เมื่อหนีไปแล้วมันก็กลับมาใหม่อีก พร้อมกับชี้ให้ผู้เขียนดูหลังคาศาลาที่ลิงรื้อไปเป็นทางยาวแต่ยังไม่ได้ซ่อม
ลิงยังรบกวนถึงญาติโยมที่มาทำบุญ หากจอดรถไว้ มันจะรื้อออกตั้งแต่ที่ปัดน้ำฝน กระจกมองข้างส่วนที่ดึงได้มันดึงหมด ทำให้ญาติโยมไม่กล้ามาวัด
ผู้เขียนกับคณะได้เห็นชาวบ้านที่หน้าถ้ำเขาหลวงเอาหุ่นจระเข้มาวางบนรถเพื่อไล่ลิงโดยเขาบอกว่าวางหุ่นจระเข้ไว้ ลิงจะไม่กล้ามารบกวน
เจ้าของร้านค้าที่หน้าถ้ำเขาหลวงจะวางหุ่นจระเข้บนหลังคารถเป็นการบริการฟรีแก่ลูกค้าที่นำรถมาจอดที่หน้าร้าน
ลิงในเมืองเพชรบุรีเป็นลิงป่าอยู่กันตามธรรมชาติ คงอยู่คู่กับเพชรบุรีมานานนับแต่ยังชื่อพริบพรีก็ได้
หนังสือ ตามรอยฝรั่ง เล่าความหลังเมืองพริบพรีกรมศิลปากร พิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. 2557 พิมพ์บันทึกการเดินทางของมิชชันนารี ชาวอเมริกัน ชื่อมิสแมรีโลวินา คอร์ท ที่เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เล่าเรื่องลิงไว้ตอนหนึ่งในบันทึกการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเพชรบุรีโดยทางเรือ ว่าเมื่อใกล้เพชรบุรีได้ชมทัศนียภาพสวยงามน่าดูชมยิ่งนัก ได้พูดถึงฝูงลิงตามชายฝั่งว่า บางครั้งฝูงลิงยืนอยู่ริมฝั่งและยิงฟันใส่พวกเรา หรือจีบปากทำเสียงดังโดยคิดว่าเราจะโยนกล้วยจากหน้าต่างเรือไปให้ ลิงพวกนี้ท่าทางน่าขบขันที่สุด พวกมันจะเฝ้าดูผลไม้อยู่อย่างเงียบๆ จนมันร่วงลงมาเอง จากนั้นพวกมันจะวิ่งไปยังจุดที่ผลไม้หล่นและใช้แขนหน้ายาวทั้งสองข้างล้วงเอาผลไม้ออกจากโคลนนิ่มๆ ที่กลบผลไม้อยู่บ่อยครั้งที่พวกลิงจะล้างผลไม้ที่เก็บมาได้ จากนั้นมันก็ฉีกเปลือกออกและกินมันด้วยความโอชะ เหมือนอย่างที่คุณหรือข้าพเจ้ากระทำ กับการระมัดระวังที่จะเอาโคลนออกจากผลไม้นั้น
เมื่อไปเที่ยวเพชรบุรีนอกจากชมโบราณสถานและงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังได้ชมชีวิตที่กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างยากที่จะแยกจากกันได้ลิงกับคน นะครับ