posttoday

จับตาตำรวจยุค คสช. งัดหลักฐานเสื้อแดงเอี่ยวบึ้ม

27 มิถุนายน 2557

55 ลูก คือ จำนวนระเบิดชนิดเอ็ม 79 ที่ถูกยิงออกมาในห้วงการชุมนุมทางการเมืองตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

55 ลูก คือ จำนวนระเบิดชนิดเอ็ม 79 ที่ถูกยิงออกมาในห้วงการชุมนุมทางการเมืองตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ตกเป็นเป้าถูกก่อเหตุมากที่สุด

ล่าสุด พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงเตรียมเร่งรัดคดีความรุนแรงที่มีการใช้อาวุธสงครามในช่วงการชุมนุมของม็อบ กปปส. ในจำนวนนี้มี 17 คดี ที่มีการรายงานความคืบหน้าเข้ามา เช่น กรณียิง สุทิน ธราทิน แกนนำผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) คดียิงบ้าน ประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรเกี่ยวกับเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น

พล.ต.อ.เอก ระบุด้วยว่า บางคดีที่สืบสวนพบว่าตำรวจเกี่ยวข้องการกระทำผิด มีส่วนรู้เห็นสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ช่วยเหลือก่อนและหลังทำผิด

เมื่อทหารเข้ามายึดอำนาจจากรัฐบาล คดีความรุนแรงที่เกิดขึ้น การติดตามหาตัวคนร้ายดูรุดหน้าเป็นอย่างมาก ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบเพื่อหาเบาะแสไปสู่การจับกุมผู้ที่ก่อเหตุ ทั้งที่ก่อนหน้าที่สีเขียวจะครองเมือง ตำรวจที่มีหน้าที่หลักในการดูแลความสงบในภาวะการชุมนุม การทำคดีความรุนแรง การติดตามตัวคนก่อเหตุไร้ความคืบหน้าใดๆ

เหมือนกับพลิกฝ่ามือได้ทันควัน ชั่วโมงนี้ตำรวจรับลูกกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เดินหน้าเร่งรัดคดีความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแถลงข่าวให้สังคมได้รับทราบความคืบหน้าทุกระยะ เช่นล่าสุดที่ พล.ต.อ.เอก รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามและคดีรุนแรงแถลงชัดถ้อยชัดคำว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดกับกลุ่ม กปปส.หลายจุด ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่ม นปช. จำเพาะในกลุ่มดังกล่าวที่เป็นคนหัวรุนแรง ต้องการใช้อาวุธหวังผลเห็นชัดต้องการให้เกิดความสูญเสีย

ที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่ตำรวจ “กล้า” พูดชัดว่าคนเสื้อแดงมีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุความรุนแรงกับทาง กปปส. ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีวี่แววที่จะเอ่ยถึง แต่พลันเมื่อทหารเข้ามามีอำนาจ สีกากีจึงขยับเต็มรูปแบบ

ผลที่เกิดขึ้นล่าสุดจากการทำงานของตำรวจน่าเชื่อได้ว่าเป็นการขยับตั้งแต่หัวถึงหาง คือผู้บังคับบัญชาสั่งการไปยังลูกน้องให้เร่งดำเนินคดี เพื่อให้มีผลงานสนองกลับไปยัง คสช.ได้เห็น เหมือนเป็นเครื่องการันตีในฤดูกาลโยกย้ายที่จะถึงนี้ หากผลงานดี ตำแหน่งงานดีๆ ก็รอสีกากีอยู่

ความจริงแล้วทีมงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจที่ค้นหาเบาะแสคดี มีข้อมูลผู้ก่อเหตุอยู่ในมือตั้งแต่ช่วงก่อเหตุแล้ว แต่เป็นเพราะตำรวจอาจเกิดลูกเกรงใจ เพราะอย่าลืมว่าตลอดการชุมนุมของ กปปส. รัฐบาลยังเป็นของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเองก็คือนายตำรวจอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่รัฐบาลก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของ กปปส. ที่แกนนำชำแหละอยู่ทุกวันทุกคืน

การทำคดีที่รุนแรงที่เกิดขึ้นกับ กปปส.ในช่วงเวลานั้น อาจไปเจอตอที่ส่งผลไปถึงรัฐบาลได้ ดังนั้นตำรวจจำเป็นต้องเงียบหรือเก็บข้อมูลไว้ไม่เผยแพร่ด้วยเพราะหากทำคดีตรงไปตรงมาแล้วไปกระทบกับรัฐบาล อนาคตเส้นทางการรับราชการของตำรวจเองก็จะมีปัญหาขึ้นมาได้

ท้ายสุดเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ ตำรวจก็ต้องออกแอ็กชั่นในการทำคดีอย่างคึกคักและไม่เหนือความคาดหมายที่ผลออกมาในลักษณะนี้ เมื่อเกมพลิกตำรวจก็ต้องพลิกแพลงตามเกมการเมืองในการทำงาน แต่สิ่งที่ประชาชนกำลังจับตาคือการทำงานของตำรวจในครั้งนี้จะเป็นผลรูปธรรมหรือไม่ เพราะนอกเหนือจาก คสช. ที่ตำรวจต้องแสดงผลงานให้เห็นแล้ว ประชาชนก็อยากจะเห็นฝีมือของตำรวจเช่นกัน ไม่อยากให้เป็นไฟไหม้ฟางเหมือนที่ผ่านๆ มา

ต้องดูต่อเนื่องว่าการประกาศของตำรวจครั้งนี้ ที่เผยว่าเสื้อแดงอยู่เบื้องหลังความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับ กปปส. จะทำคดีได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะตำรวจเองก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรที่คนเสื้อแดงไว้วางใจเช่นกัน การเปลี่ยนมืออำนาจมาอยู่กับทหารจะเป็นการวัดใจตำรวจว่าจะทำคดีให้รับกับคนเสื้อแดงเหมือนที่ผ่านมา หรือสอดคล้องกับแนวของ คสช.

ยุคเปลี่ยนผ่านของตำรวจจึงน่าสนใจยิ่ง