จี้นายกฯประกาศทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
สุริยะใส แนะนายกฯ ประกาศทำประชามติร่างรธน. เพื่อป้องกันสังคมสับสน ชี้เป็นเกราะกำลังไม่ให้ถูกรื้อตามใจชอบ
สุริยะใส แนะนายกฯ ประกาศทำประชามติร่างรธน. เพื่อป้องกันสังคมสับสน ชี้เป็นเกราะกำลังไม่ให้ถูกรื้อตามใจชอบ
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เร่งตัดสินใจว่ารัฐบาลจะให้มีการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะการปล่อยให้อึมครึมโดยที่นายกฯ ไม่เคยแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะจัดให้มีประชามติหรือไม่นั้น ทำให้สังคมสับสนและไม่มั่นใจว่าขั้นตอนสุดท้ายร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีหน้าตาอย่างไรกันแน่
"ที่น่าห่วงและอาจทำให้สังคมสับสนมากคือนายกฯ มักจะบอกว่าอย่าเถียงกันเอาเป็นเอาตายหรือวิตกกังวลในสาระของร่างรัฐธรรมนูญมากเกินไป เพราะสุดท้ายอยู่ที่ คสช. และรัฐบาลว่าจะปรับแก้อย่างไรนั้น การส่งสัญญานแบบนี้ทำให้หลายฝ่ายหรือแม้แต่ สปช.หรือคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เองก็ไม่มั่นใจและยืนยันกับสังคมไม่ได้เหมือนกันว่า เนื้อหาสาระที่เดินสายอธิบายความ จัดเวทีรับฟังกันอยู่ในขณะนี้ หรือร่างกันเสร็จสรรพแล้วจะปรากฎในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือจะถูกบังคับใช้หรือไม่ หรือ คสช.มีพิม์เขียวอีกฉบับหนึ่งอยู่แล้ว"นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า หากนายกฯ ประกาศ ให้ชัดเจนว่าจะจัดให้มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจากนี้ไปกระบวนการประชาพิจารณ์ หรือการแปรญัตติจะมีความหมายและดึงการมีส่วนร่วมดึงความสนใจจากประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้การทำประชามตินอกจากจะเป็นเกราะกำบังให้รัฐธรรมนูญไม่ถูกรื้อตามใจชอบแล้ว ยิ่งลดข้อครหาสืบทอดอำนาจได้อีกด้วย เพราะรัฐบาลชุดนี้บอกตลอดเวลาว่าไม่คิดจะอยู่ต่อ ยิ่งมีความจำเป็นที่ต้องถ่ายโอนการปฏิรูปมาให้สังคมและประชาชนขับเคลื่อนต่อ เพราะการลงประชามติถือเป็นกระบวนการปลายเปิดให้สังคมตัดสินใจ และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจด้วยตนเอง ความรู้สึกในการเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้นตามมา
"สังคมไทยได้สร้างมาตรฐานของกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมไว้สูงมากในรัฐธรรมนูฉบับ 2540 และ 2550 ฉะนั้นรอบนี้มาตรฐานของการมีส่วนร่วมก็ไม่ควรน้อยไปจากเดิม"นายสุริยะใสกล่าว