posttoday

เคาะไพรมารี่โหวตต้องมีสัดส่วนสตรี1ใน3

02 กรกฎาคม 2558

กมธ.ยกร่างฯเคาะไพรมารี่โหวตเลือกผู้สมัครสส.ต้องมีสัดส่วนสตรี1ใน3 ยกแนวปฏิบัติตนของนักการเมืองไปไว้ในประมวลจริยธรรม

กมธ.ยกร่างฯเคาะไพรมารี่โหวตเลือกผู้สมัครสส.ต้องมีสัดส่วนสตรี1ใน3 ยกแนวปฏิบัติตนของนักการเมืองไปไว้ในประมวลจริยธรรม

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 76 ว่าด้วยการให้พรรคการเมืองต้องจัดองค์กรภายใน ให้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ขัดต่อสถานะและการปฏิบัติหน้าที่ของสส.ในฐานะที่เป็นปวงชนชาวไทย และมีหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ซึ่งคณะกมธ.ยกร่างฯยังคงสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวไว้ครบถ้วนทุกประการ

ทั้งนี้ แหล่งข่าวในที่ประชุมคณะกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า การประชุมในมาตรานี้ที่ประชุมได้มีการถกเถียงในประเด็นที่เกี่ยวกับการพิจารณาส่งผู้สมัครสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ จะต้องมีการหยั่งเสียงประชาชนหรือสมาชิกพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้งหรือในภาคก่อน โดยต้องมีเงื่อนไขว่าต้องมีสัดส่วนสตรีไม่น้อยกว่า1ใน3ในบัญชีของการทำการหยั่งเสียงดังกล่าว  ซึ่งการประชุมของคณะกมธ.ยกร่างฯในเรื่องนี้ปรากฏว่ามีกมธ.ยกร่างฯจำนวนหนึ่งเสนอให้ตัดเรื่องการกำหนดสัดส่วนสตรีออกไปจากร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติ เช่น บางพรรคไม่สามารถหาผู้สมัครที่เป็นสตรีได้ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ที่สุดแล้วที่ประชุต้องตัดสินด้วยการลงมติ ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 20 ต่อ 9 เสียง ให้ยังคงสัดส่วนสตรีจำนวน 1 ใน 3 เอาไว้ตามเดิม

จากนั้นที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าในมาตรา 76 ควรตัดคำว่ากลุ่มการเมืองออกไปจากการอยู่ภายใต้สภาพบังคับตามมาตรา 76 ที่ต้องมีการจัดองค์กรภายในต่างๆตามที่ร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในเมื่อคณะกมธ.ยกร่างฯมีความเห็นในเบื้องต้นแล้วว่ากลุ่มการเมืองไม่สามารถส่งผู้สมัครสส.ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องคงคำว่ากลุ่มการเมืองเอาไว้ในมาตรานี้อีก

ขณะเดียวกัน คณะกมธ.ยกร่างฯ ได้ตัดมาตรา 75ของร่างรัฐธรรมนูญออก ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่กำหนดแนวทางปฏิบัติตนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้นำอื่นในภาครัฐควรกระทำจำนวน 5 ประการ อาทิ ต้องแยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่ง แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเมื่อตนกระทำผิด เป็นต้น และแนวทางที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้นำอื่นในภาครัฐไม่ควรกระทำจำนวน6ประการ เช่น ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ของพรรคการเมือง หรือ ชี้นำให้บุคคลอื่นเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยคณะกมธ.ยกร่างฯเห็นว่าควรนำบทบัญญัติเหล่านี้ไปอยู่ในประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้นำอื่นในภาครัฐแทน