posttoday

รับจ้างกรีดยาง

26 ธันวาคม 2558

เสือที่เป็นคนที่เรียกกันว่า “ไอ้เสือ” นำหน้าชื่อ บางรายมีวิชา ขนาดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังปราบไม่อยู่ ผู้คนต่างหวาดกลัว

โดย...ซิวซี แซ่ตั้ง

เสือที่เป็นคนที่เรียกกันว่า “ไอ้เสือ” นำหน้าชื่อ บางรายมีวิชา ขนาดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังปราบไม่อยู่ ผู้คนต่างหวาดกลัว ขนาดคนในท้องถิ่นยังอพยพย้ายหนีออกจากพื้นที่กันไม่เว้นแต่ละวัน คนนอกพื้นที่ก็ไม่กล้าเข้าไปทำงาน เพราะหากไปพบเจอเสือร้ายเหล่านี้ก็มีโอกาสจะถูกฆ่าได้ทันที คนที่จะเข้าไปทำงานคือคนที่ใจกล้าไม่กลัวตาย สำหรับผมกลัวตายแต่ความกลัวลูกเมียอดตายมีมากกว่า

สมัยนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญ มีป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น โดยเฉพาะป่าทึบทางภาคใต้ ซึ่งมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ งูพิษ งูเหลือมขนาดใหญ่ ที่น่ากลัวที่สุด คือเสือจริงๆ ที่เป็นสัตว์ ท่ามกลางป่าทึบอันชุ่มชื้น ไม่แปลกที่จะมีเสือชุกชุม มันพร้อมที่จะคาบคนไปกินได้ตลอดเวลา

ก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจไปกรีดยาง ผมได้ยินแต่คำเล่าลือ แต่พอได้ลงไปอยู่จริงๆ ผมได้เห็นเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง เมื่อเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมถูกเสือลากไปกิน เวลานั้นผมกับเพื่อนกำลังทำงานอยู่ เสือเข้ามาตะปบและคาบเพื่อนร่วมงานของผมไปกินต่อหน้าต่อตา

รับจ้างกรีดยาง

 

นอกเหนือจากเรื่องเสือ ผมยังเคยเห็นงูเหลือมยักษ์ ตัวยาวใหญ่ ความยาวของมันประมาณ 10 เมตร เลื้อยผ่านไปในระยะแค่ 4 เมตร ทำให้ผมถึงกับตะลึงตัวชา ก้าวขาไม่ออก แทบหยุดหายใจ แต่พอมันเลื้อยผ่านไปแล้ว ผมวิ่งหนีด้วยความตกใจอย่างไม่คิดชีวิต

เพราะอันตรายทั้งหลายนี้เองเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาค่าจ้างกรีดยางสูงลิบลิ่ว คนที่ไม่กลัวตายและมีความจำเป็นเท่านั้นจึงกล้าไปทำงานดังกล่าว ผมจำเป็นต้องเสี่ยง เพราะกลัวครอบครัวผมอดมากกว่ากลัวตัวเองตาย ผมคิดแต่ว่า ตายเป็นตาย...แต่ผมทนเห็นลูกกับเมียอดอยากลำบากไม่ได้

อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงคือ แม่และพี่ๆ ที่เมืองจีน ซึ่งรอความช่วยเหลือจากผม จะลำบาก อดตาย ถ้าผมไม่มีเงินทองข้าวของส่งไปให้

รับจ้างกรีดยาง

 

ผมจำเป็นต้องเสี่ยงเดินทางไปกรีดยางทางใต้ ด้วยค่าจ้างวันละ 100-200 บาท ซึ่งถือว่าเป็นค่าจ้างที่สูงมาก (ยางพาราราคา 50-60 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ทองราคาบาทละ 400 กว่าบาท) ด้วยค่าแรงสูงแบบนั้นทำให้ผมตัดสินใจเสี่ยงตายไปทำงาน โดยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ หลังตรุษจีน

ในช่วงนั้นผมรู้สึกทุกข์ทรมานมากที่ต้องอยู่ห่างจากลูกและเมีย หลับตาครั้งใดก็เห็นแต่ภาพชิวบ๊วยเลี้ยงลูก เลี้ยงหมู เธอต้องลำบากมาก ผมเป็นห่วงและสงสารเธอที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ รู้สึกผิดที่ทิ้งเธอมา แต่ผมไม่มีทางเลือกเนื่องจากขัดสนเรื่องเงินทอง

ตัวผมเองต้องกินอยู่อย่างลำบาก สถานที่อยู่แออัดคับแคบ ต้องอาศัยอยู่ในกระต๊อบไม้ไผ่เล็กๆ ซึ่งมีคนงานพักอยู่ด้วยกัน 6 คน เวลานอนก็แทบกระดิกตัวไม่ได้ เราต้องนอนเรียงกันบนแคร่ไม้ขนาดเล็ก แต่ทุกคนต้องอดทนเพื่อทำงานหาเงินส่งให้ครอบครัว

รับจ้างกรีดยาง

 

ก่อนหน้าจะเดินทางผมบอกกับชิวบ๊วยว่าจะเขียนจดหมายติดต่อกลับมา แต่เนื่องจากชิวบ๊วยอ่านหนังสือไม่ออก ผมจึงบอกให้นำจดหมายไปให้พี่ชายช่วยอ่าน

ทนทำงานกรีดยางที่ภาคใต้อยู่เกือบ 6 เดือน เก็บเงินได้ 7,000-8,000 บาท (เนื่องจากเป็นงานเหมาบางวันก็ไม่ได้ทำงาน) ก็ถอนตัวจากทางใต้เดินทางกลับบ้านที่คลองเตย-กรุงเทพฯ ในช่วงเดือน ส.ค.พร้อมที่จะทำธุรกิจต่อไป

(อ่านต่อฉบับวันเสาร์หน้า)