posttoday

DSIคาดเหตุโรงเกลือมีผู้บงการมวลชนปิดล้อมเจ้าหน้าที่

04 กุมภาพันธ์ 2559

ดีเอสไอ แจงปมเจ้าหน้าที่ถูกทำร้าย สระแก้ว หลังพบมีคนบิดเบือนนำข้อมูลเท็จเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก คาดมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

ดีเอสไอ แจงปมเจ้าหน้าที่ถูกทำร้าย สระแก้ว หลังพบมีคนบิดเบือนนำข้อมูลเท็จเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก คาดมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกแถลงการณ์เอกสารข่าวชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ว่า ตามที่วันนี้ได้ปรากฏเหตุการณ์มวลชนแรงงานต่างชาติประมาณ 400 คน เข้าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษที่ตรวจค้นจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา บริเวณตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งกรมได้แถลงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทราบแล้วนั้น

ปรากฏว่ามีผู้ไม่หวังดี นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ เผยแพร่บนเฟซบุ๊ก (facebook) บิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว และกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต เนื่องจากไม่ประสานหน่วยงานพื้นที่ก่อนนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงาน ดังนี้

1.เรื่องนี้กรมได้รับการร้องขอจากสถานเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย มาตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน 2558 โดยขอให้ปราบปรามจับกุมผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทน้ำหอมซึ่งมีจำนวนมากบริเวณตลาดโรงเกลือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวน เป็นสำนวนสืบสวนที่ 141/2558 โดยผู้สืบสวนได้ ทำการสืบสวนเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยมีตัวแทนผู้เสียหายสนับสนุนข้อมูล จนพบว่ามีมูลความผิด มีของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก ทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นเรื่องที่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นแหล่งจำหน่ายของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแหล่งใหญ่ และน่าจะเป็นเครือข่าย  อันอยู่ในอำนาจที่  ดีเอสไอจะดำเนินการตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีจึงมีคำสั่งให้สอบสวนเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ตามคดีพิเศษที่ 7/2559 เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

2.ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 2 ก.พ.2559 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจำนวน 3 จุด ซึ่งศาลได้ตรวจพยานหลักฐานและอนุมัติหมายค้นให้ตามขอ โดยขอเข้าตรวจค้นในวันที่ 3 ก.พ.2559 เวลา 10.00 น 3.ในวันนี้ (3 ก.พ.2559)เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักปฏิบัติการพิเศษ ประมาณ 50 คน และตัวแทนผู้เสียหาย ได้เข้าตรวจค้นตามหมายทั้งสามจุด เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวและแสดงหมายค้นให้เจ้าของสถานที่ทราบ ซึ่งจากการตรวจค้นทั้งสามจุดพบของกลางเป็นน้ำหอมยี่ห้อต่างๆรวมแล้วมากกว่า 20,000 ขวด และมีการควบคุมผู้ครอบครองไว้เพื่อบันทึกจับกุม  

ระหว่างนั้นเริ่มมีกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาเข้ามาล้อมส่งเสียงข่มขู่เจ้าหน้าที่และเริ่มขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทะยอยขนของกลางขึ้นใส่รถทึ่เตรียมไปด้วย กลุ่มมวลชนซึ่งมีแกนนำก็เข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ มีการขว้างก้อนอิฐ ก้อนหินใส่รถเจ้าหน้าที่จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บและรถยนต์ทางราชการเสียหาย นอกจากนี้กลุ่มมวลชนยังได้ลงมือชิงตัวผู้ต้องหาและของกลางที่เจ้าหน้าที่ขนขึ้นรถออกมาบางส่วน เมื่อสถานการณ์บานปลาย จึงมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ระงับเหตุ และได้ถอนกำลังออกมา ในเวลาประมาณ 10.30 น.

พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเห็นได้ว่ากลุ่มผู้กระทำผิดไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งปัญหาของตลาดโรงเกลือที่เป็นแหล่งจำหน่ายสิ่งของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก็ถูกปล่อยปละละเลยมานาน จากที่ควรจะเป็นปัญหาระดับพื้นที่กลายเป็นปัญหาระดับประเทศ จนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบอาชญากรรมพิเศษจากส่วนกลางต้องเข้าไปดำเนินการ และในฐานะเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย

ต่อประเด็นการประสานงานในพื้นที่นั้น ตาม พ.ร.บ.การสอบสวน ฯ มาตรา 22/1 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษในการขอสนธิกำลังกับหน่วยงาน กรณีมีเหตุจำเป็น ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นกรณีปกติเพียงกำลังเจ้าหน้าที่ของกรม 50 นาย สามารถปฏิบัติการได้โดยไม่ต้องแจ้งประสานขอสนธิกำลัง

"มีข้อสังเกตของการเข้าปิดล้อมของมวลชนต่างชาติในครั้งนี้ที่กระทำโดยรวดเร็ว มีแกนนำ เป็นขั้นเป็นตอน จึงอาจมีผู้อยู่เบื้องหลังมวลชนซึ่งอาจเป็นผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากขบวนการค้าสิ่งของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และอาจเป็นความผิดอาญาเรื่องฟอกเงิน ซึ่ง ดีเอสไอจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน"ดีเอสไอระบุ