กองทัพอากาศประดิษฐ์ได้ใช้เองได้"เครื่องเตือนลมแดด"

กองบิน 46 ประดิษฐ์เครื่องเตือนลมแดดชิ้นแรกกองทัพอากาศ เพื่อใช้วัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ เพื่อป้องกันเกิดฮีทสโตรก ขณะทหารฝึกภาคสนามกลางแจ้ง

เมื่อวันที่12พ.ค.59 ที่กองพันทหารทหารอากาศโยธิน กองบิน 46 อ.เมืองพิษณุโลก นาวาอากาศเอกขจรฤทธิ์ แก้วอำไพ ผู้บังคับการกองบิน 46 ได้ส่งมอบเครื่องชุดแจ้งเตือนโรคลมแดดแบบอัตโนมัติ  ให้กับ น.ท.หาญศึก เงินบำรุง ผู้บังคับกองพันทหารโยธินกองบิน 46 เพื่อไว้ใช้วัดอุณหภูมิและแจ้งเตือน ในช่วงที่มีการฝึกทหารกลางแจ้ง  ซึ่งอาจเกิดโรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรก(Heat Stroke) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของกองทัพอากาศที่เห็นความสำคัญของสุขภาพร่างกายของทหารใหม่ อีกทั้งสภาวะโรคร้อนมากขึ้นอาจทำให้ทหารใหม่ที่กำลังฝึกเกิดเป็นโรคลมแดดได้ง่าย จึงเกิดแนวความคิดประดิษฐ์เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื่นในอากาศ เพื่อเตือนภัยให้กำลังพลที่ฝึกภาคสนาม

นาวาอากาศเอกขจรฤทธิ์ แก้วอำไพ ผู้บังคับการกองบิน 46 กล่าวว่า เดิมทีทางกองบิน 46 มีเครื่องเทอร์โมมิเตอร์ ติดตั้งไว้รอบค่าย ซึ่งหากมีความร้อนมาก หน่วยทหารก็จะวิ่งมาดูแล้วอ่านค่า ความร้อน หากร้อนมาก ก็จะวิ่งไปชักธงหน้าเสา เป็นการเตือน แต่หลังจากคิดค้นเครื่องแจ้งเตือนโรคลมแดด ก็จะทำให้ทหารทราบทันทีว่า ความร้อนสูงขึ้น ก็จะมีสัญญาณดัง ทหารก็จะสามารถวิ่งเข้าร่มได้ทันที โดยเครื่องดังกล่าว ใช้ต้นทุนในการประดิษฐ์ ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องต้นแบบของประเทศไทย และคาดว่าจะพัฒนาให้เป็นอีกหลายเวอร์ชั่น เพื่อให้มีรูปแบบกระทันรัดและเล็กลง สำหรับเครื่องชุดแจ้งเตือนโรคลมแดดแบบอัตโนมัติ มีการทำงาน โดยผ่านแผงโซร่าเซล วัดค่าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งมีเซ็นเซอร์จับความร้อนอีกครั้ง แล้วยิงสัญญาณผ่าน WiFi หากมีความร้อนมาก ที่ตั้งอุณหภูมิไว้ 46 องศา เครื่องสัญญาณจะดังทันที ซึ่งถือว่าสะดวกในการใช้งานอย่างมาก อนาคตอาจมีการขยายไปตั้งตามจุดต่างๆ ที่มีประชาชนทำงานกลางแจ้ง ต่อไป

นายเจษฎา ลาวัลย์ พยาบาลวิชาชีพ ผู้คิดค้นเครื่องเตือนฮีทสโตรก กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวเป็นการพัฒนาจากเดิมใช้เทอร์โมมิเตอร์ แบบแห้งและแบบเหลว เพื่อใช้วัดทั้งความร้อนและความชื้นในอากาศ  แต่ละครั้งการจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูว่าอากาศร้อนเกินไปหรือไม่ หรือความชื้นในอากาศมีมากน้อยเพียงใด  และทำการชักธงให้สัญญาณแก่ครูฝึกในสนามทราบ ถึงสภาพความร้อนในอากาศและความชื้นมีมากน้อยเพียงใด ทำให้เกิดความล่าช้าและไม่ทันเหตุการณ์ ตลอดทั้งการทำงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องคอยตรวจสอบตลอดเวลา เพื่อป้องกันโรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) ที่จะเกิดขึ้นกับทหารขณะที่ฝึก.