เมืองซามูไร Aizu 7

อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่า เมืองไอสึนี้เป็นสมรภูมิสุดท้ายของเหล่าซามูไรผู้ภักดีของท่านโชกุนตระกูลโทคุกาวะกับกองทัพของรัฐบาลเมจิ จนเกิดวีรกรรมของกลุ่มลูกหลานซามูไร Byakkotai หรือกลุ่มเสือขาว ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่น และเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ สถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกหลานซามูไรไอสึก็เลยกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนญี่ปุ่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนกันมิขาดสาย โดยเฉพาะที่ภูเขาอีโมริ ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มเสือขาวทำการจบชีวิตของตัวเอง

ในช่วงสงครามโบชิน กองกำลังผสมของพันธมิตร Satsucho ซึ่งมีทั้งจำนวนคนและอาวุธที่เหนือกว่า ได้รุกคืบขึ้นมาทางเหนือ ในขณะที่กองกำลังที่สนับสนุนโชกุนได้ถอยร่นขึ้นไปตั้งหลักที่ฮาโกดาเตะ ปล่อยให้กองกำลังไอสึซึ่งมีกำลังพลเพียงแค่ประมาณ 3,000 คน ต้องรับศึกอย่างโดดเดี่ยว แต่ชาวไอสึก็ไม่ได้เสียขวัญ จัดตั้งกองกำลังเพื่อรับศึกโดยแบ่งตามอายุ และใช้หลักฮวงจุ้ยแบ่งกำลังออกเป็นสี่กองคือ กองกำลังทักษิณฉายานกฟีนิกซ์แดง (Suzakutai) ซึ่งเป็นกองกำลังหลัก มีกำลังพลที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี จำนวน 1,200 นาย  กองกำลังบูรพา ฉายามังกรเขียว (Seiryutai) มีกำลังพลประมาณ 900 นาย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 36-49 ปี ถัดมาคือกองกำลังอุดร ฉายาเต่าดำ (Genbutai) เป็นกองกำลังสำรอง เพราะกำลังพลส่วนใหญ่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีจำนวนเพียง 400 นาย และกองกำลังสุดท้าย คือ กองกำลังปัจฉิม ฉายาเสือขาว (Byakkotai) เป็นลูกหลานของซามูไรราวๆ 300 คน เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี ถูกจัดให้เป็นกำลังพลสำรองเช่นเดียวกัน กองกำลังเสือขาวยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 หมู่ คือ Shichu-Yoriai-Ashigaru หรือ บน-กลาง-ล่าง หมู่ละ 2 หน่วย เพื่อสะดวกในการบังคับบัญชาเพราะอายุยังน้อย ไม่เคยผ่านการศึกใดๆ มาเลย อยู่ๆ จับมารวมกลุ่มขนาดใหญ่แบบนี้ อาจทำให้แผนการรบเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายสำหรับนักรบวัยกระเตาะแบบนี้

กองกำลังไอสึต้านทานอยู่ได้เพียงแค่เดือนเดียวก็พ่ายศึก ในวันที่กองกำลังผสม Satsucho สามารถบุกยึดปราสาทไอสึได้นั้น ซามูไรหนุ่ม 20 คน จากหน่วย Shichu ได้เล็ดลอดมุดถ้ำลับขึ้นไปตั้งหลักอยู่บนภูเขาอีโมริที่ห่างไปไม่ไกล และพวกเขาก็ได้เห็นควันไฟหนาทึบตรงตำแหน่งของปราสาทไอสึ จึงเข้าใจผิดคิดว่าไอสึล่มสลายเสียแล้ว จึงพร้อมใจกันทำเซ็ปปุกุพลีชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติของซามูไร แต่บังเอิญว่ามีเด็กหนุ่มอายุ 14 ปีคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้จากการช่วยชีวิตไว้ได้ทันท่วงทีโดยภริยาของซามูไรท่านหนึ่งที่ไปประสบเหตุเข้า วีรกรรมของ 20 ซามูไรหนุ่มกลุ่มเสือขาวจึงได้รับการถ่ายทอดจากปากของ Iinuma Sadakichi ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว

การได้มาเยี่ยมคำนับหลุมศพของ 19 ซามูไรหนุ่มบนภูเขาอีโมริจึงเสมือนกับการกระตุ้นดึงจิตวิญญาณซามูไรของชาวญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน เป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ไม่เพียงแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น ชาวต่างชาติที่ทราบตำนานนี้ก็มีมาก อย่างเช่น มุสโสลินี ท่านผู้นำอิตาลียุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ถึงกับส่งเสาหินจากปอมเปอีมาให้และยังคงประดับอยู่ไม่ไกลจากหลุมศพของเหล่าซามูไรหนุ่มจนทุกวันนี้ แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวขึ้นเขากันมาไม่น้อย ทางเมืองจึงได้จัดบริการต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี ทำบันไดเลื่อนเป็นทางเลือกเผื่อให้ผู้สูงวัย มีห้องน้ำห้องท่าร้านค้าของที่ระลึกพร้อม แถมยังชมวิวเมืองไอสึจากมุมสูงได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดครับ