คุณค่าของเงิน
เมื่อพูดถึงเรื่องเงินหยวน ผมมีเรื่องเล่าชวนตื่นเต้นเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสกุลเงินนี่แหละ เรื่องมีว่า
โดย...ซิวซี แซ่ตั้ง
เมื่อพูดถึงเรื่องเงินหยวน ผมมีเรื่องเล่าชวนตื่นเต้นเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสกุลเงินนี่แหละ เรื่องมีว่า มีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง เข้ามาพักที่โรงแรมในเมืองจีน ไม่รู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจที่เข้ามาติดต่องาน ตอนที่จะออกจากโรงแรม ชาวญี่ปุ่นคนนั้นควักเงินหยวนออกมาจ่าย แต่พนักงานของโรงแรมไม่ยอมรับ ทั้งๆ ที่เป็นเงินหยวนสกุลเหรินเหมินปี้ ซึ่งเป็นเงินสกุลจีนแท้ๆ และนำมาใช้ในประเทศจีน ไม่ได้ไปใช้นอกประเทศ ทว่ากลับถูกปฏิเสธ
ชาวญี่ปุ่นคนนั้นโกรธมากที่เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่ารับเงินหยวนชนิดไหว่หุ้ยเจี้ยน ซึ่งเป็นเงินตราสกุลหยวนพิเศษ สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวหรือติดต่องานที่เมืองจีนในสมัยนั้น
(เงินหยวนสกุลไหว่หุ้ยเจี้ยนยกเลิกการใช้หลังจากที่จีนมีเศรษฐกิจดีขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1990) สาเหตุที่โรงแรมรับเงินไหว่หุ้ยเจี้ยนเนื่องจากมีค่ามากกว่าเงินหยวนเหรินเหมินปี้ประมาณ 20-30% และคนจีนทั่วไปนิยมใช้ซื้อสิ่งของต่างๆ ในห้างเฟรนด์ชิป (Friendship) หรือภาษาจีนเรียกว่าโหย่วอี้ ซึ่งจำหน่ายสินค้าที่หาซื้อไม่ได้ในตลาดทั่วไปให้ชาวต่างชาติ และเป็นค่านิยมในสมัยนั้น
ชาวญี่ปุ่นคนนั้นโกรธขนาดฉีกเงินหยวนทิ้งต่อหน้าเจ้าหน้าที่โรงแรม ร้อนถึงผู้บริหารต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยพร้อมกับอธิบายเหตุผลให้เข้าใจ กว่าจะตกลงกันได้เล่นเอาเหนื่อย ส่วนตัวผมนั้นได้ใช้เงินไหว่หุ้ยเจี้ยน ที่จำเป็นต้องแลกด้วยเงินฮ่องกงช่วงที่ผ่านด่านเข้าประเทศจีนจึงไม่มีปัญหาอะไร
กลับมาเรื่องตัวผม ในระหว่างที่รอของจากทางการผมเล่าเรื่องต่างๆ ที่อยู่เมืองไทยให้พี่ๆ และญาติฟัง จึงไม่ค่อยได้พักผ่อน ผมเล่าเรื่องเมืองไทยทั้งสภาพความเป็นอยู่ สภาพครอบครัวและสังคม ทำให้ญาติพี่น้องของผมหลายคนอยากไปเมืองไทย
พวกเขาวาดฝันและคิดเอาว่าที่เมืองไทยนั้น คงมีเงินตกลงมาจากท้องฟ้า เป็นการเปรียบเทียบว่าเงินที่เมืองไทยหาง่าย แต่ผมไม่ได้เล่าถึงความลำบากก่อนที่จะสบายให้พวกเขาฟังเลย พวกเขาไม่รู้หรอกว่าชีวิตตอนนั้นแร้นแค้นเหน็ดเหนื่อยอย่างไร ไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีทั้งหัวคิด ความขยัน อดทน มีโอกาสและโชคช่วย
หลังจากอยู่บ้านได้ 2-3 วัน ของจำนวน 17 กระสอบก็ถูกส่งมาถึงตำบลท้งคัง แต่ก็มีอุปสรรคทำให้สิ่งของต่างๆ ยังมาไม่ถึงบ้าน เพราะของมีจำนวนมากไม่สามารถขนมาที่บ้านได้ง่ายๆ ต้องใช้รถลาก 2 คัน พร้อมคนแข็งแรงอีก 7 คน โดยต้องดันและลากไปบนถนนที่ชำรุดทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อ กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเหนื่อย
ตอนแรกผมนึกหวั่นใจว่าของอาจหายเพราะถูกขโมย ที่คิดเช่นนั้นเนื่องจากเห็นสภาพบ้านเมืองไม่เจริญและผู้คนยากจนมาก แต่ผมคิดผิด เพราะของที่ผมซื้อมาไม่หายเลยสักชิ้นเดียว ทุกอย่างยังอยู่ครบ ผมคิดว่าพวกเขาอาจอยากได้ แต่ไม่คิดขโมย ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง ผมอดชื่นชมไม่ได้
เมื่อของทั้งหมดมาถึงบ้านแล้ว ผมเก็บของไว้ในบ้าน แล้วหันมาประชุมกันเฉพาะ 4 คนพี่น้องว่าจะจัดสรรปันส่วนกันอย่างไร แน่นอนว่า ทุกคนอยากได้ของดี ที่ตัวเองต้องการ...แต่ของดีที่พวกเขาต้องการผมหามาให้ครบทุกคนไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลจำกัดโควตาการนำเข้าของแต่ละรายการ โดยให้เป็นของฝากเท่านั้น ผมจึงแบ่งตามความจำเป็น อาทิ พี่ชายคนโตผมให้จักรเย็บผ้าและวิทยุ ซึ่งภายหลังพี่ชายของผมนำจักรเย็บผ้าไปให้เช่าในราคา 15 หยวน/เดือน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา พี่ชายคนที่ 3 ซึ่งเป็นครูสอนหนังสือได้นาฬิกาข้อมือตราดอกบ๊วย พี่ชายคนที่ 4 ได้จักรยานไว้ใช้ส่งของ โดยลูกชายช่วยทำงานค้าขาย รับส่งของ ส่งคนไปตลาด มีรายได้เป็นเงินราว 5-6 หยวน/วัน ถ้าขยัน
ส่วนครูที่เคยสอนผม ผมได้ให้พัดลมตั้งโต๊ะเอาไว้ใช้ในหน้าร้อน พัดลมตัวนี้กลายเป็นพัดลมตัวแรกของหมู่บ้านท้งคัง เด็กๆ เพิ่งจะได้เห็น ได้รู้จัก พากันตื่นเต้นเป็นการใหญ่ ผมตั้งใจสาธิตวิธีการใช้ให้ดู แต่กรรมแท้ๆ หัวเสียบไม่สามารถใช้กันได้ เพราะเป็นพัดลมที่ซื้อมาจากฮ่องกง หัวปลั๊กไฟเป็นแบบอังกฤษ ซึ่งระบบปลั๊กไฟของอังกฤษผิดกับจีน จึงต้องหาช่างไฟฟ้ามาช่วยเปลี่ยนหัวเสียบเสียใหม่ พัดลมจึงใช้ได้
นอกจากสิ่งของต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว ผมยังมีของจำเป็นมาฝากเพิ่มเติมอีก เช่น น้ำตาลให้พี่ชายคนละ 5 กิโลกรัม และพี่สาวคนละ 2 กิโลกรัม แป้งบะหมี่ก็แจกคล้ายๆ กัน น้ำมันพืชในสมัยนั้น 5 กิโลกรัม ใช้กันได้นานถึงครึ่งปี เพราะใช้กันอย่างประหยัด ส่วนผ้า 5 มัดใหญ่นั้นมีประโยชน์กับพวกเขามาก เนื่องจากเสื้อผ้าที่ได้รับแจกจากรัฐบาลจะได้เพียงคนละ 2 ชุด/ปีเท่านั้น และเป็นสีกรมท่าสีเดียวกันหมดซึ่งไม่พอเพียงต่อการสวมใส่ ส่วนของกินที่ผมซื้อไปแจกนั้น เพราะรู้ดีว่าบ้านที่เมืองจีนมีไม่เพียงพอ แต่ละคนถูกกำจัดด้วยคูปองปันส่วนที่ออกโดยรัฐบาลจีน ถึงแม้ใครจะมีเงินก็ไม่สามารถซื้ออะไรได้อย่างที่ต้องการ
(อ่านต่อฉบับวันเสาร์หน้า)