ทินพันธุ์ วัฒนอัครโภคิน ‘ผมไม่เคยยอมแพ้’
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทดลองต้มเฉาก๊วยด้วยมือของเขาเองเป็นเวลากว่า 1 ปี ลองผิดลองถูกเจอปัญหาทุกวัน
โดย...วรธาร ภาพ เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทดลองต้มเฉาก๊วยด้วยมือของเขาเองเป็นเวลากว่า 1 ปี ลองผิดลองถูกเจอปัญหาทุกวัน แต่ไม่เคยยอมแพ้ กลับทุ่มสุดหัวใจ จนในที่สุดสามารถผลิตเฉาก๊วยที่เหนียวหนึบไม่เป็นสองรองใครเขาคนนั้นคือ หมู-ทินพันธุ์ วัฒนอัครโภคิน วัย 28 ปี เจ้าของร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า 23 ชั่วโมงใน จ.นครปฐม และเจ้าของธุรกิจเฉาก๊วยเต็งหนึ่งที่กำลังติดลมบนในเวลานี้ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้บอกได้เลยว่าเขาต้องสู้ชีวิตอย่างหนักเลยทีเดียว
ตัดสินใจทิ้งใบปริญญา
ยกแรกของชีวิตทินพันธุ์ก็ทำสิ่งไม่คาดคิดเมื่อตัดสินใจทิ้งการเรียนไปดื้อๆ ทั้งที่เพียงไม่กี่อึดใจก็จะคว้าใบปริญญาให้ตัวเองและพ่อแม่ได้ชื่นใจ แล้วหันไปหางานทำด้วยหวังว่าจะมีเงินก้อนหนึ่งไว้ทำธุรกิจ ทั้งที่ในหัวก็นึกไม่ออกว่าจะทำอะไร แต่ก็คิดว่าเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยครอบครัวและส่งน้องๆ เรียนได้แม้ตัวเองจะไม่ได้เรียนก็ตาม
“ผมยุติการเรียนตอนอยู่ปี 3 เทอม 2 (วิศวะ ศิลปากร) จุดเปลี่ยนเกิดจากได้ไปฝึกงานที่โรงงานยางรถยนต์แห่งหนึ่งพี่วิศวกรถามว่าเงินเดือนเท่าไร หมื่นห้า แค่นั้นล่ะสะกิดใจผมเลย เข้างาน 8 โมงเลิก 5 โมง ไหนจะเรื่องสุขภาพ ค่าที่อยู่ ค่าอาหาร ส่งน้องเรียน ตอนนั้นพ่อก็เช่าบ้านอยู่แต่อยากมีบ้านให้พ่อ เลือกเส้นทางนี้คงยาก ก็คิดว่ามีทางเดียวคือทำธุรกิจ จึงคุยกับแฟนแต่ไม่บอกพ่อกลัวรู้แล้วจะเสียใจและรับไม่ได้ เมื่อตัดสินใจแล้วมีทางเดียว ต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น”
เมื่อเป้าหมายคือการเก็บเงินไว้ทำธุรกิจ ทินพันธ์ุจึงไปสมัครเป็นพนักงานรดน้ำต้นไม้และล้างห้องน้ำในสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งหนึ่ง ซึ่งงานแบบนี้หลายคนอาจคิดว่าเป็นงานระดับล่าง เหมาะกับคนใช้แรงงาน แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น ขอแค่งานสุจริตและได้เงินก็พร้อมทำด้วยใจ
“อยู่ที่นี่ผมทำงานดี เจ้าของเห็นความตั้งใจ จึงให้มาอยู่หน้าร้านช่วยงานขายและดูระบบสต๊อก ต่อมาให้เป็นผู้จัดการ เขาบอกผมว่าไม่เคยเห็นใครทำงานตั้งใจแบบนี้มาก่อน ยิ่งพอรู้ว่าผมมีเป้าหมายชีวิตก็อยากสนับสนุน แต่ผมอยู่แค่ 2 ปี มีเงินเก็บก้อนหนึ่งจึงลาออกมาเปิดร้านถ่ายเอกสารเล็กๆ หุ้นกับคนอื่น ร้านไม่ได้ใหญ่ แถมทำเลไม่ดี กิจการช่วงแรกๆ จึงแย่ ผมจึงไปหาลูกค้าที่มหาวิทยาลัย ได้ใบโฆษณาของศูนย์ติวต่างๆ ก็โทรหาเขา ถามกี่แผ่นส่ง ผมบอกแผ่นเดียวก็ส่ง แค่นั้นล่ะลูกค้ามีแต่ศูนย์ติวใหญ่ๆ กิจการดีเห็นๆ แต่ผ่านไปปีกว่าหุ้นส่วนมีปัญหาครอบครัวทำให้ต้องเลิก ขายเครื่องทิ้งได้เงินมา 2-3 หมื่น” ทินพันธุ์ เล่าถึงธุรกิจแรก
เข้าสู่ธุรกิจข้าวมันไก่และเฉาก๊วย
ธุรกิจแรกแม้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทินพันธุ์ไม่มีอะไรต้องถอย มีแต่เดินหน้าอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงเอาเงินเก็บที่พอมี ส่วนหนึ่งจากการขายเครื่องถ่ายเอกสารและเงินของแฟนสาวไปลงทุนธุรกิจหลายอย่างหนึ่งในนั้นคือร้านข้าวมันไก่ ซึ่งก็คือร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า 23 ชั่วโมง ที่เจริญเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน
“ร้านข้าวมันไก่ก็เป็นร้านที่ผมไปกินประจำ ขายดีมากแต่เจ้าของมีปัญหาครอบครัวเลยหาคนเซ้งเป็นเงินแสนกว่าบาทผมเอาเลย แต่เงินไม่พอก็ขอจ่ายไปครึ่งหนึ่งก่อนแล้วผ่อนที่เหลือ เป็นร้านข้างทางแต่ผมเอามาปรับปรุงพัฒนาใหม่และเปิด 23 ชั่วโมง (ปิดตีสี่เปิดตีห้า ปิด 1 ชั่วโมงไว้ทำความสะอาดร้าน) ขายดีก็จริง แต่พอปิดเทอมนักศึกษาไม่มี จึงไปหาทำเลใหม่เป็นแหล่งชุมชน ร้านไม่ใหญ่ 11 โต๊ะ แต่ก็เกิดปัญหาอีกรถลูกค้าไปจอดเหลื่อมบ้านข้างๆ เลยย้ายที่ใหม่แต่อยู่ไม่ไกลที่เดิมนัก จาก 11 โต๊ะ ขยายเป็น 50 โต๊ะกิจการทุกวันนี้ดีมาก” ทินพันธุ์ กล่าว
ความสำเร็จของร้านข้าวมันไก่ทำให้มองถึงธุรกิจของหวาน และที่เขาหมายมั่นคือเฉาก๊วยนมสด ซึ่งจุดที่ทำให้เขาสนใจคือครั้งหนึ่งไปอยู่วัดกับเพื่อน ได้มีโอกาสกินเฉาก๊วยนมสดจากพระในวัดให้มาแล้วชอบอยากเอามาขายที่ร้าน แต่เสียดายเนื้อเฉาก๊วยไม่เหนียวและไม่อร่อย จึงไปเดินแหล่งที่ขายก็ไม่มีที่ถูกใจ ส่วนเจ้าหนึ่งที่ดังๆ ก็ไม่ขายเนื้อเฉาก๊วยอย่างเดียว เขาจึงทดลองต้มเฉาก๊วยเอง โดยเอาสูตรมาจากกูเกิลและยูทูบ แต่ไม่สำเร็จ จึงไปหาที่เรียนในกรุงเทพฯ แล้วกลับมาทำใหม่
“ทำไป 4 เดือนเริ่มท้อ แฟนบอกพอก่อนไหม ผมบอกว่ายอมแพ้ไม่ได้เสียเงินร่วมแสนแล้วต้องทำให้สำเร็จ ก็ทำมาเรื่อยๆ 1 ปีเต็ม ทำทิ้งทำเสียจนวันนี้ก็ได้เนื้อเฉาก๊วยตามที่ต้องการ ปีแรกหมดเวลาไปกับการทำ ปีที่สองเริ่มทำขายแต่ลูกค้าไม่เยอะ จึงเปิดเฟซบุ๊ก ผมส่งให้ชิมฟรีถึงบ้าน ไม่ซื้อไม่ว่าขอแค่บอกว่าไม่อร่อยตรงไหน จะได้ปรับปรุง ปรากฏเริ่มมีลูกค้าประจำแต่ก็ผลิตอยู่ที่ 60 กก./วัน พอมีคนมารีวิวก็มีสั่งกันมาก จากวันละ 60 กก. ขึ้นมา 100 กก.บ้าง 600 กก. บ้าง ปีที่ 3 ขยับมา 1,000 กก. และเมื่อต้นปีนี้ 2,000 กก. กลางปี 6,000 กก. เติบโตตลอด ปัจจุบันลูกค้าหลากหลายและมีตัวแทนทั่วทุกภาค”
ทินพันธุ์ กล่าวว่า ขณะที่สินค้ามีหลากหลาย เช่น เนื้อเฉาก๊วยแบบถุง ฝาฉีกน้ำเชื่อม กระป๋องน้ำเชื่อม กระป๋องนมสด มีทั้งเนื้อธรรมดา เนื้อพรีเมียม เนื้อแบบเส้น ส่วนคาราเมลก็ออกมาหลายรส ทั้งชาเขียว ชาไต้หวัน รสดั้งเดิม ชาไทย สตรอเบอร์รี่ โกโก้ กาแฟ บลูเบอร์รี่ เผือก หากใครอยากมีรายได้จากการขายเฉาก๊วยเต็งหนึ่ง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดพร้อมเบอร์โทรได้ที่เฟซบุ๊กเฉาก๊วยเต็งหนึ่ง และ www.tengnueng.com
เมื่อถามถึงความลับที่เขาปกปิดพ่อมานาน ทินพันธุ์ บอกว่า คุณพ่อมารู้เรื่องนี้ทีหลังและไม่พูดกับเขานานกว่า 1 ปี แต่หลังจากที่เขาได้แสดงความมุ่งมั่นและความสำเร็จให้เห็นคุณพ่อก็เข้าใจ และทุกวันนี้ธุรกิจที่เขาสร้างขึ้นมาก็ได้หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในครอบครัวอย่างมีความสุข