สมาคมพิทักษ์สัตว์ฯชงรัฐให้กรมปศุสัตว์เป็นเจ้าภาพคุมจำนวนหมา-แมวจรจัด

สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ออกแถลงการณ์เสนอให้รัฐให้กรมปศุสัตว์เป็นเจ้าภาพทำหมันหมา-แมวจรจัดเพื่อควบคุมจำนวน

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง เสนอมาตรการแก้ไขสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าระบาด พ.ศ. 2561 ระบุว่า พ.ศ. 2528 กรมปศุสัตว์ริเริ่มทำหมันพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำตามแนวทางสากล พ.ศ. 2543 สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ดำเนินรอยตามและร่วมกับสมาคมพิทักษ์สัตว์โลกจัดสัมมนาการแก้ปัญหาสุนัขจรจัด จากนั้น พ.ศ. 2545 กรุงเทพมหานครจึงยกเลิกนโยบายกำจัดฆ่าอย่างเป็นทางการ จำนวนประชากรสุนัขจรจัดและโรคกลัวน้ำจึงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2548 สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ได้พยายามชี้แจงมาตลอดหลายปีให้หน่วยงานรัฐเห็นถึงช่องโหว่ในกระบวนการควบคุมประชากรสุนัขและแมวจรจัด อันเป็นผลมาจากการกระจายอำนาจโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมและสภาพความเป็นจริงที่ว่า องค์กรบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มีภารกิจหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนจึงมองว่าสุนัขจรจัดเป็นปัญหาที่ต้องกำจัดมากกว่าทำหมัน จึงเน้นการฉีดวัคซีนในวงแคบหรือจับเข้าศูนย์พักพิงให้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสวัสดิภาพสัตว์มาตลอด

บัดนี้ประเทศไทยต้องกลับมาเผชิญปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าที่ห่างหายไปนานอีกครั้ง เกือบถึงขั้นแตกแยกในสังคม ในขณะที่ภาพลักษณ์ของกรมปศุสัตว์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และของประเทศต้องเสียหาย จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาวดังต่อไปนี้

(1)   เสนอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ที่มีสถานพยาบาลสัตว์หรือมีความพร้อมด้านการจับสุนัขจรจัดระดมกำลังออกฉีดวัคซีนให้สุนัขและแมว ทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ

(2)   เสนอให้ระหว่างที่ดำเนินการฉีดวัคซีน ให้ตรวจสอบทะเบียนประชากรสัตว์เลี้ยงไปพร้อมกัน เพื่อผลด้านสถิติและปฏิบัติการในปีต่อๆไป

(3)   เสนอให้การใช้อำนาจหน้าที่ของราชการดำเนินการตามหลักสากล กรณีพบสัตว์ติดเชื้อที่ต้องทำลายให้ฝ่ายสวัสดิภาพสัตว์เข้าไปมีส่วนร่วมจะได้ไม่กลายเป็นประเด็นสังคมภายหลัง

(4)   เสนอให้ องค์กรบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ที่มีการประกาศใช้ข้อบัญญัติควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัขอยู่แล้ว เริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

(5)   เสนอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรีบกลับมาสานต่อนโยบายการทำหมันควบคุมประชากรสุนัขจรจัดพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและร่วมมือกันให้ดีกว่าที่ผ่านมาหรือสนับสนุนให้กรมปศุสัตว์กลับมามีบทบาทได้เต็มที่ดังแต่ก่อน