"ธนาธร"เชื่อทุกคดีที่โดน มุ่งทำลายทางการเมือง มั่นใจเอาผิดไม่ได้
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เชื่อทุกคดีที่โดนเป็นเพราะการท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม มั่นใจไม่มีคดีไหนที่เอาผิดได้
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เชื่อทุกคดีที่โดนเป็นเพราะการท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม มั่นใจไม่มีคดีไหนที่เอาผิดได้
เมื่อวันที่ 6 ต.ค.62 ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีหัวข้อ "มาสิครับผมจะเล่าให้ฟัง" พบกับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป เพื่อสนทนาและชี้แจงถึงการทำงานของพรรคในอนาคตกับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป
นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนตั้งพรรคขึ้นมา เราให้ความสนใจกับคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นนี้โตมาในความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นสูง เช่น คนที่เพิ่งเรียนจบตอนอายุ 20 ปี จะเป็นคนที่เกิดในช่วงปี 2540 จะเจอกับเหตุการณ์การเมืองมากมาย การรัฐประหารสองครั้ง และการชุมนุมทางการเมืองใหญ่หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้จึงแสวงความรู้และอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก และทำนโยบายที่มาจากการศึกษาอย่างแท้จริง
หัวหน้าพรรคอนาคนใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่นั้น ส่วนตัวมองว่าเวลานี้มีพรรคการเมืองขึ้นมาหนึ่งพรรค และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดไม่เคยมีคดีความทั้งแพ่งและอาญามาก่อน แต่พอตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาอยู่มาไม่ถึงปี โดนคดีไปประมาณ 20 คดี ทำให้ผมก็เพิ่งรู้ว่าผมเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนมาตั้งพรรค แต่ผมคิดว่าพวกเราที่อยู่ที่นี้น่าจะเข้าใจกันดีว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำ คือ การท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมและระบบที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ต้องแปลกใจที่ระบบนี้ต้องการที่จะล้มเรา เพราะการที่เรามีอยู่หมายถึงการสั่นคลอนความมั่นคงของเขา ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามจะรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้ และจำเป็นต้องจัดการกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
"พวกเรามั่นใจมากว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เกิดจากมูลเหตุและแรงจูงใจทางการเมืองที่จะทำลายกันทางการเมืองมากกว่าที่จะบอกว่าเราผิดตัวบทกฎหมายจริงๆ ดังนั้น จนถึงตอนนี้ผมมั่นใจว่าคดีทุกคดี ถ้าว่ากันตามกฎหมายจริงๆจะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้ คดีเรื่องเงินกู้ คนพูดไปต่างๆนานา ถ้าใครเป็นนักบัญชีหรือนักกฎหมายจะรู้ว่าเงินกู้นั้นไม่ใช่รายได้ เพราะเงินกู้อยู่ในงบดุล ไม่ได้อยู่ในงบกำไรขาดทุน ถ้าคุณตีความว่าเรื่องนี้ผิด ผมอยากจะรู้ว่าต่อไปนักกฎหมายและนักบัญชีในประเทศนี้จะทำงานอย่างไร พังหมดเลยนะ คุณกำลังเอาเรื่องเดียวมาพังกระบวนการกฎหมายที่ใช้กันมาทั่วโลก ดังนั้น เรื่องนี้ผมพูดจริงๆ ผมยักไหล่ ผมเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราทำการเมืองโปร่งใสและถูกต้อง"
นายธนาธร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับ คดีหุ้นวีลัก เพราะบริษัทวีลักปิดไปตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 และนิตยสารสองเล่มสุดท้ายที่ทำอยู่ คือ นิตยสารที่ทำให้กับนกแอร์และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นการรับจ้างผลิต ไม่ได้เป็นการทำสื่อ ตัวที่ทำสื่อจริงๆ คือ นิตยสาร Who ก็ปิดไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว และเรื่องนี้ก็ชัดเจนและเป็นที่เข้าใจในวงการกฎหมายและบัญชีตลอดว่าความสมบูรณ์ของธุรกรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายเงินและรับเงินและให้ใบหุ้น ธุรกรรมมันสำเร็จไปตั้งแต่แลกเปลี่ยนใบหุ้นแล้ว แต่จะไปแจ้งกระทรวงพาณิชย์เมื่อไหรมันเป็นคนละเรื่อง คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ถ้าไปตีความว่าธุรกรรมสำเร็จเมื่อไปจดทะเบียนพาณิชย์ สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดในประเทศไทยมันผิดหมด
"คุณกำลังเอาธนาธรเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อบอกว่าต่อไปธุรกรรมจะทำสำเร็จต้องไปนับว่าเมื่อไปจดที่กระทรวงพาณิชย์ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเอากันถึงขนาดนี้ คุณกำลังทำลายConvention ทางธุรกิจ หลักบัญชีและหลักกฎหมาย คุณกำลังจะทำให้มันพังลงมา ผมเชื่อว่าถ้าตีความตามกฎหมาย จะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้" นายธนาธร กล่าว
ในช่วงสุดท้าย นายธนาธร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เราเชื่อมั่นในความถูกต้องของพวกเรา อย่างคดีที่แจ้งความเอาผิดเราล่าสุดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราพูดไม่ใช่การแบ่งแยกและไม่ใช่การทำให้สังคมแตกแยกแต่รณรงค์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยควรจะต้องมีสิทธิ แต่เมื่อมีคดีมาเพิ่มอีกคดีก็ไม่เป็นไร ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้
"ยืนยันว่าเราจะยังจัดเวทีต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเราไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ สังคมไทยไปต่อไม่ได้ เราเดินหน้าไม่ได้ หลังๆมานี้ผมชักงงว่าไม่รู้ว่าจะต้องไล่คุณประยุทธ์ก่อนหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ถ้าคุณไม่ไล่คุณประยุทธ์ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ หรือคุณไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ไล่คุณประยุทธ์ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรก่อนดี" นายธนาธร กล่าว