posttoday

ไข่มุกใหญ่ซุกหอยเกยหาดเจ้าของไม่รีบขายให้ได้ราคาที่พอใจก่อน

04 กุมภาพันธ์ 2564

นครศรีธรรมราช-ชาวหัวไทรริมทะเลเจอหอยมุกเกยหาด จะนำไปประดับกรงนก เปิดดูเจอไข่มุกขนาดใหญ่ มีคนติดต่อขอซื้อให้สูงสุด5ล้านบาท เจ้าของไม่ขายให้ได้ราคาที่พอใจก่อน

เมื่อวันที่ 4ก.พ.64 ที่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 6 ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บ้านของนายหัสชัย นิยมเดชา อายุ 37 ปี และครอบครัว มีเพื่อนบ้านญาติมิตรแวะเวียนไปชมไข่มุกสีส้ม หรือ “มุกเมโล” ที่นายหัสชัย เก็บได้โดยบังเอิญบริเวณชายหาดหลังบ้านโดยไม่รู้ว่าเป็นของมีค่าหายากแห่งท้องทะเล ก่อนแฟนสาวได้โพสท์ถามหาข้อมูลจากสังคมออนไลน์จนได้ความว่าเป็นมุกสีส้มที่หาได้ยาก และจะเกิดขึ้นในธรรมชาติ

นางเจ๊ะนะ นิยมเดชา อายุ 57 ปีมารดานายหัสชัย กล่าวว่า ได้พบเปลือกหอยโดยไม่รู้ว่าเป็นหอยมุก เก็บมาเพื่อนำไปแกะแล้วประดับกรงนก แต่เมื่อกลับมาที่บ้านได้มาตั้งไว้อีก 2 วัน พอแกะออกเข้าใจว่าเป็นลูกกระทกรก แต่เมื่อหล่นบนพื้นจึงพบว่าไม่ใช่แล้ว และต่างคนต่างไม่รู้ว่าสิ่งที่พบคืออะไร จนกระทั่งลูกสะใภ้ได้นำไปโพสท์ในสังคมออนไลน์ตั้งคำถาม ถามหาคนรู้จักวัตถุชนิดนี้จนได้ความว่ามันคือมุก

ไข่มุกใหญ่ซุกหอยเกยหาดเจ้าของไม่รีบขายให้ได้ราคาที่พอใจก่อน

หลังจากที่มีการนำภาพภาพไข่มุกเม็ดนี้ไปเผยแพร่ไปทางสังคมออนไลน์ ได้มีนักธุรกิจรายหนึ่งมาขอซื้อในราคา 1 ล้านบาท และอีกรายเสนอให้ในราคา 5 ล้านบาท แต่เห็นว่ายังควรเก็บไว้ก่อนจึงยังไม่ขาย และยิ่งทราบข้อมูลว่าเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพงจึงอยากให้ผู้ที่สนใจซื้อเสนอราคามาให้ดีกว่านี้ และหากเห็นว่ามีราคาที่ครอบครัวตนเองพอใจก็จะขายแน่นอน

ด้านนายอานนท์ นิยมเดชา อายุ 59 ปี สามีนางเจ๊ะน๊ะบิดานายหัสชัย ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณริมหาดที่พบไข่มุกพบว่ายังเต็มไปด้วยซากสิ่งของชนิดต่างๆ รวมทั้งซากปะการัง กระดองหมึก หอยจำนวนมากที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาด พร้อมทั้งเปิดเผยว่าได้นำเอามุกเม็ดนี้ไปให้ห้างทองแห่งหนึ่งตรวจสอบน้ำหนักหากคิดเป็นกะรัตนั้นจะมีจำนวน 353 กะรัต แต่ไม่รู้ว่ามีมูลค่ามากแค่ไหน

ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนี้ยังคงเดินหาสิ่งของบริเวณชายหาดเพื่อหวังว่าอาจจะพบสิ่งของมีค่าเช่นครอบครัวของนายหัสชัย ขณะที่เพื่อนบ้านและญาติในระแวกใกล้เคียงได้เดินทางมาที่บ้านของนายหัสชัยฯ อย่างไม่ขาดสาย อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าในทะเลพื้นที่ อ.หัวไทร จะมีผู้พบสิ่งของที่ถูกคลื่นซัดมาบ่อยครั้ง เช่น อำพันทะเล หรืออ๊วกวาฬ ซากปะการังหายาก จะถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งในช่วงฤดูมรสุม.