สลด!33ต่างด้าวลอบเข้าไทย ถูกนายหน้าทิ้งป่าชายแดนสังขละบุรี
กาญจนบุรี-รวบแรงงานต่างด้าว 33 คน ถูกทิ้งกลางป่าชายแดนสังขละบุรี อ้างนายหน้าชาติเดียวกันพาลอบเข้าไทย เป้าหมาย 6 จว. สารภาพจ่ายหัวละ 1.4-1.6 หมื่นบาท ส่วนโรฮิงญา จ่ายหัวละ 2 หมื่นบาท ผ่านไทยไปมาเลเซีย
จากนโยบายของ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ผบ.ฉก.ลาดหญ้า) กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.วิสูตร สถิตย์ ผกก.สภ.สังขละบุรี ว่าที่ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี
สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดแต่ละหน่วยสนธิกำลังลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมาโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัวโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะเส้นทางเดินเท้า เข้า-ออก ทางธรรมชาติตามแนวตะเข็บชายแดนที่มีระยะทาง 371 กิโลเมตร รวมทั้งเส้นทางถนนสาย 323 ด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี และเส้นทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเส้นทางทั้งสองเป็นถนนสายหลักที่มุ่งหน้า เข้า-ออก ระหว่างประเทศ
ล่าสุดช่วงเวลาประมาณ 23.45 น. ของวันที่ 5 มี.ค.ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 6 มี.ค.64 คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมตัว 33 แรงงานชาวเมียนมา ขณะหลบซ่อนตัวอยู่กลางป่าบริเวณ เส้นทางธรรมชาติหินสามก้อน บ้านซองกาเรีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ที่พิกัด MS398809
จากสภาพของทุกคนค่อนข้างอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม คาดว่าไม่ได้กินข้าวและอาบน้ำมานานหลายวัน ซึ่งหลังจากคณะเจ้าหน้าที่คุมตัวแรงงานทั้งหมดมาถึง สภ.สังขละบุรี จึงได้สั่งซื้อข้าวและน้ำมาให้ทุกคนได้ดื่มกิน
เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 33 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 17 คน 2 ใน 17 คนที่เป็นหญิงมีอายุเพียง 3 ขวบ และอายุ 11 เดือน โดยแยกเป็นบุคคลเชื้อชาติมอญ จำนวน 7 คน กะเหรี่ยง จำนวน 14 คน เมียนมา 3 คน และที่สำคัญมีชาว โรฮิงญา ที่เดินทางมาจากเมืองยะไข่ จำนวน 9 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 5 คน
จากการสอบสวนทราบว่า แรงงานชาวเมียนมา จำนวน 24 คน มีจุดหมายที่จะไปทำงานกับนายจ้างในพื้นที่ จ.ราชบุรี นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และ กทม.โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นเป็นชาวเมียนมาด้วยกันคนละ 14,000-16,000 บาท ราคาค่าหัวขึ้นอยู่กับระยะทางการเดินทางใกล้หรือไกล ส่วนชาวโรฮิงญา ที่เดินทางมาจากเมืองยะไข่ จำนวน 9 คน มีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าเป็นเงินคนละ จำนวน 20,000 บาท
พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์ก่อนการจับกุมในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้คณะเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กำลังหลบซ่อนตัวอยู่กลางป่าหุบเขาท้องที่หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วยงานทราบ จากนั้นจึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบบริเวณพิกัดตามที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งพบและสามารถจับกุมตัวแรงงานจำนวนข้างต้นเอาไว้ได้
จากการซักถาม 1 ในผู้ต้องหาที่สามารถพูดไทยได้ ให้การว่าตนกับพวก ได้ติดต่อกับนายหน้าชาวเมียนมาด้วยกันเพื่อให้นำพาข้ามชายแดนมายังฝั่งไทยด้วยการใช้โทรศัพท์ จากนั้นก็ได้มีการนัดหมายให้มารวมตัวกันที่กิ่งอำเภอพญาตองซูประเทศเมียนมา ที่อยู่ตรงข้ามกับประเทศไทยบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู โดยทุกคนได้มารวมตัวกันตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค.นายหน้าชาวเมียนมาที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ได้มาพบพวกตน โดยมาด้วยกันจำนวน 4 คน จากนั้นได้เดินหน้านำพาพวกตนข้ามมายังฝั่งไทย ด้วยใช้การเดินเท้ามาตามเส้นทางธรรมชาติบริเวณเส้นทางรถไฟเก่าข้างวัดพิมละม่อม
จากนั้นเดินเท้าไปตามชายป่าที่เป็นหุบเขาเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย แล้วเดินข้ามลำน้ำซองกาเรีย เมื่อมาถึงจุดถูกจับกุม นายหน้าชาวเมียนมาสั่งให้พวกตนหลบอยู่ภายในป่า แล้วจะมีคนขับรถยนต์มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานตามจังหวัดเป้าหมาย หลังจากนั้นนายหน้าชาวเมียนมาก็เดินทางกลับประเทศ แต่ก็ยังไม่มีใครขับรถยนต์มารับพวกตนจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเอาไว้ได้
จากการตรวจวัดอาการไข้ของแรงงานทั้ง 33 ราย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นผลการตรวจอุณหภูมิเป็นปกติ ไม่มีใครอุณหภูมิเกิน 37.5 องศา แม้แต่รายเดียว แต่เพื่อความไม่ประมาท คณะเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวแรงงานทั้ง 33 รายไปตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่งที่ รพ.สังขละบุรี จากนั้นได้นำตัวส่ง พ.ต.ท.มงคล เกิดไทยดี สว.(สอบสวน) สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป