posttoday

ฝ่ายค้านยื่นเชือด"ประยุทธ์"พ่วง5รมต."บิ๊กป้อม-ธรรมนัส"รอดได้ไง

16 สิงหาคม 2564

พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรีเหตุแก้โควิดล้มเหลวประชาชนเดือดร้อนหนักคนเจ็บตายพุ่ง ขณะที่ "บิ๊กป้อม-ธรรมนัส"รอดไม่มีชื่อในโผถูกจับขึ้นเขียง 

เมื่อวันที่ 16 ส.ค.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคก้าวไกล ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมี รัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายทั้งหมด 6 คน ได้แก่

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมวงกลาโหม 2. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข 3. นายสุชาติ ชมกลิ่นรมว.แรงงาน 4. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม5. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ฝ่ายค้านยื่นเชือด\"ประยุทธ์\"พ่วง5รมต.\"บิ๊กป้อม-ธรรมนัส\"รอดได้ไง

สำหรับเนื้อหาในญัตติ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศ บริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2563 ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ถึง 40 ฉบับ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต การกลายพันธุ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 900,000 คน และเสียชีวิตกว่า 7,000 คน ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอที่จะรับรักษาผู้ป่วย “ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว” เกินขีดความสามารถในการบริการประชาชน หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น จนไม่สามารถหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ ไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

นายอนุทิน ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลอกลวงประชาชนขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งต่อไป จะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น

นายสุชาติ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน และเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ

นายศักดิ์สยาม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน

นายเฉลิมชัย เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความสามารถในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล ไม่ปกป้องรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จงใจเบียดบังเอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้องตนเอง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ ทั้งวัวและสุกร จนส่งผลเสียหายแก่เกษตรกรจำนวนมาก ขณะที่มาตรการชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรไม่ทั่วถึงและเพียงพอ

นายชัยวุฒิ มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประธานสภาควรต้องเร่งหารือกับฝ่ายบริหารเพื่อบรรจุเข้าไปเป็นวาระในการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยเร็ว ซึ่งการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเน้นที่การอภิปรายความผิดพลาดของรัฐบาล ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว และพฤติกรรมการทุจริต แม้มีการเสนอชื่อรัฐมนตรีคนอื่นๆ เข้ามา แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดมีความเห็นร่วมกันที่จะอภิปรายเปิดเผยข้อมูลความผิดพลาดของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนซึ่งมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยมีพลเอกประยุทธ์เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด

“ฝากไปถึงพี่น้องประชาชน ขอให้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนว่า บุคคลเหล่านั้นเห็นแก่ใคร เห็นแก่พี่น้องประชาชนที่ล้มตายหรือไม่ ผมขอร้องให้ทุกคนตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า การบริหารราชการที่ผิดพลาดล้มเหลวในครั้งนี้ถือว่าร้ายรายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรสุดไปมากกว่านี้ ส่วน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผมขอให้คำนึงถึงประชาชนด้วย” นายสมพงษ์กล่าว