posttoday

นักท่องเที่ยวแห่ดูเศียรพระโผล่ใต้ต้นโพธิ์

26 ธันวาคม 2553

พบพระองค์ที่ 3 ในวัดกลางเมืองกรุงเก่าที่มีความพิเศษจมใต้เนินจอมปลวกติดต้นโพธิ์ และต้นยางมานานจนนักท่องเที่ยวแห่ไปกราบไหว้จำนวนมาก

พบพระองค์ที่ 3 ในวัดกลางเมืองกรุงเก่าที่มีความพิเศษจมใต้เนินจอมปลวกติดต้นโพธิ์ และต้นยางมานานจนนักท่องเที่ยวแห่ไปกราบไหว้จำนวนมาก

ภายหลังพบเศียรพระพุทธรูปที่มีความแปลกใน จ.พระนครศรีอยุธยา จนโด่งดังไปทั่วโลกในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จุดแรกคือเศียรพระพุทธรูปหินทราย สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ถูกห่อหุ้มด้วยรากต้นโพธิ์ มาแล้วกว่า 50 ปี ภายในวัดมหาธาตุบริเวณพื้นที่อุทยานประวัติ ศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นวัดโบราณ

สำหรับ จุดที่สองที่วัดหน้าพระเมรุราชิการาม หรือวัดหน้าพระเมรุ วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยาที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นปรกคลุมเจดีย์ และรากได้ปกคลุมหุ้มองค์เจดีย์ไว้เกือบทั้งองค์จนถึงฐานเจดีย์

โดยต้นโพธิ์อายุประมาณ 50 ปี และรากของต้นโพธิ์ยังห่อหุ้มเศียรพระพระพุทธรูปเนื้อหินทรายอีก 1 เศียร ซึ่งห่อหุ้มเศียรพระมาประมาณ 30 ปีแล้ว

ทั้งนี้ พบว่ามีนักท่องเที่ยวทังชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมากที่ทราบข่าว ต่างเดินทางเข้าไปชมความงามของธรรมชาติและโบราณสถานที่วัดทั้ง2 แห่ง และบอกว่าถือเป็นสิ่งที่งดงามตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโบราณสถานที่ไม่มีใครเหมือนและได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก

ล่าสุดพบว่ามีความแปลกอีกแห่งอยู่ที่วัดไทรน้อย ต.ไทรน้อย อ.บางบาล อยู่ในป่าข้างวัดเดิมเป็นป่าต้นยางนาและต้นโพธิ์ที่อยู่ใกล้คลองบางบาล ปัจจุบันมีความเตียนโล่งไปตามกาลเวลา โดยวัดแห่งนี้วัดโบราณสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเดิมเรียกกันว่าวัดบ้านมอญ

สำหรับความแปลกมหัศจรรย์อยู่ที่ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปีขนาดลำต้น4 คนโอบ ที่ขึ้นอยู่ติดกับต้นยางนา ขนาด 4 คนโอบและอายุหลายร้อยปีเช่นกัน โคนต้นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่พบกองเนินดินคล้านกองเนินจอมปลวกขนาดใหญ่มากสุมกองอยู่โคนต้นโพธิ์ติดกับต้นยางนา และในกองเนินจอมปลวกนั้น พบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีเศียรพระแบบเต็มเศียรกว้างประมาณ 6 นิ้ว โผล่พ้นดินมาตั้งแต่เศียรพระ ลำคอ จนถึงอกพระด้านบน 

นอกจากนั้นจมอยู่ในกองดินเนินจอมปลวกทั้งหมดตรวจสอบพบว่าเป็นพระพุทธรูปเนื้อปูนปั้น  ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดิมเชื่อว่าพระองค์นี้ทางด้วยสีขาว ใบหน้าอิ่ม อมยิ้มประมาณว่าหากพระพุทธรูปองค์นี้เต็มองค์

หน้าตักของฐานพระที่จมอยู่ใต้ดินจอมปลวกน่าจะไม่ต่ำกว่า 25 นิ้วเช่นกัน โดยเศียรพระองค์นี้อยู่ระหว่างความสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตรเศษ

นางชิด ป้องกันประเสริฐ อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.6 ต.ไทรน้อย กล่าวว่า  ต้นโพธิ์และป่ายางนาที่เห็นในวัดมีมานานแล้ว ตนเองเกิดที่ต.ไทรน้อย ข้างวัด  เกิดมาจำความได้ก็เป็นป่ายางนาขนาดใหญ่ และมีต้นโพธิ์ที่เชื่อว่าเป็นหน่อของพระศรีมหาโพธิ์ ตอนเป็นเด็กต้นยางและต้นโพธิ์ ต้นเท่า ๆ ที่เห็นทุกวันนี้ จะเล็กกว่าก็ไม่มากนัก ซึ่งเชื่อว่าต้นไม้คู่นี้ ก็อายุหลายร้อยปีแล้ว
เพราะตนเองก็ 84 ปี เกิดมากเห็นแบบนี้ สิ่งที่ตนเองเห็นชินตามาแต่เด็ก ๆ จนถึงเป็นสาวและตอนนี้แก่แล้ว คือเนินดินที่เป็นจอมปลวกขนาดใหญ่สูงประมาณ2 เมตรเศษได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลังน้ำท่วมเมื่อปี 52 พบว่าเนินดินที่เป็นยอดจอมปลวกขนาดใหญ่ได้พังลงมา เพราะน้ำท่วม จนทำให้เห็นเศียรพระองค์นี้โผล่ออกมาจากเนินดินจอมปลวก และในปี 53 ก็ถูกน้ำท่วมอีก หลังน้ำลดพระพุทธรูปก็ยังพบเห็นเหมือนเช่นในปัจจุบัน ไม่มีใครกล้าไปขุดนำพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาจากเนินดินจอมปลวกใต้ต้นโพธิ์ แต่ชาวบ้านก็มากราบไหว้อธิฐานขอให้ช่วยเหลือก็ประสบความสำเร็จ ชื่อพระที่พบนั้นไม่มีเรียกอย่างเป็นทางการส่วนใหญ่ยังเรียกพระใต้ต้นโพธิ์เหมือนเดิม

นายพวง ป้องกันประเสริฐ อายุ 82 ปี สามีนางชิด กล่าวว่า ยืนยันว่าพระที่โผล่ในจอมปลวกใต้ต้นโพธิ์นั้นเพิ่งจะพบว่ามีพระเมื่อปลายปี 52 หลังน้ำท่วม  โดยทุกปีพื้นที่นี้ก็ถูกน้ำท่วมประจำ แต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งปี 52 น้ำท่วมและยอดเนินจอมปลวกพังลงมาก็พบว่ามีพระซุกซ่อนอยู่  ถือเป็นความแปลกที่มีพระโบราณจมดินจอมปลวกอยู่ใต้ต้นโพธิ์

ขณะที่ พระภูมิรัตน์ สุทธิญาโน เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย กล่าวว่า พระองค์นี้เชื่อว่าเป็นพระโบราณและจมอยู่ใต้กองดินเดินจอมปลวกมานานตามที่คนเฒ่าคนแก่พูดกัน เมื่อเนินดินจอมปลวกพังลงมา พระพุทธรูปก็โผล่พ้นดินให้เห็นเกือบครึ่งองค์ ทุกวันนี้ก็เพียงเอาไม้ไปตีทำเป็นรั้วเตี้ย ๆ กั้นมิให้คนนเข้าไปติดพระพุทธรูปเท่านั้น เพราะกลัวเนินดินจะพังทลายลงมา

อย่างไรก็ตาม เซียนพระพุทธรูปในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา  พูดตรงกันว่า เศียรพระที่วัดมหาธาตุเป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาชัดเจน เป็นของแท้ ส่วนเศียรพระตรงเจดีย์ที่ปกคลุมด้วยรากต้นโพธิ์ที่วัดหน้าพระเมรุ เฉพาะเศียรพระเชื่อว่าเป็นการทำจำลอง เพราะศิลปะของเศียรพระไม่ใช่อยุธยาแท้ มีความผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย

ส่วนพระพุทธรูปปูนปั้นที่วัดไทรน้อย เชื่อว่าเป็นพระโบราณจริง แต่พระเนื้อปูนปั้นจะเป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หรือกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น  ดูจากรูปเศียรพระแล้วก็งดงามเช่นกัน หากพระใต้ต้นโพธิ์ของวัดไทรน้อยเป็นของโบราณจริง ก็น่าเป็นห่วง เพราะก็เป็นที่ต้องการของตลาดพระเครื่องที่ชอบนิยมพระโบราณเช่นกันยิ่งอยู่ตรงเนินดินใต้ต้นโพธิ์  ก็ง่ายต่อการโจรกรรมเช่นกัน เพราะไม่มีรั่วรอบขอบชิดไม่  ไม่ได้จัดเก็บในสถานที่ปลอดภัย

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า  เป็นข่าวดีของชาว จ.พระนครศรีอยุธยาหลังมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคดีโจ๊ก-จิ๊บ ไผ่เขียว ข่าวนี้จะเป็นสิ่งที่จะมากระตุ้นการท่องเที่ยวของ จ.พระนครศรีอยุธยาฃ และส่งเสริมโครงการทำบุญไหว้พระอยุธยามหามงคลของจังหวัด  ซึ่งทั้ง 3 สถานที่นั้นก็มีความแปลกและเป็นรูปแบบจำเพาะของตัวเอง เป็นสิ่งที่น่าเข้าไปสัมผัสด้วยสายตา เพื่อทำบุญกราบไหว้ขอพรพระและถ่ายภาพ

นักท่องเที่ยวแห่ดูเศียรพระโผล่ใต้ต้นโพธิ์

 

นักท่องเที่ยวแห่ดูเศียรพระโผล่ใต้ต้นโพธิ์