ปชป.ประชุมใหญ่สามัญประจำปี66 ย้ำเสนอจุรินทร์ชื่อเดียวแคนดิเดตนายกฯ
ปชป.ประชุมใหญ่สามัญประจำปี66 จุรินทร์ เชิญอดีต3หัวหน้าพรรคลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นิพนธ์ย้ำยึดมติคณะกรรมการบริหารเสนอชื่อเดียวแคนดิเดตนายกฯ “อภิสิทธิ์”ชี้ปมแคนดิเดตนายกฯดึงเรตติ้งแล้วแต่จะวิเคราะห์
พรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยก่อนเข้าร่วมประชุม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า มีความตั้งใจจะเชิญอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องถือว่าอดีตหัวหน้าพรรคทุกท่านเป็นสถาบันสำคัญของพรรคต้องให้เกียรติจะไปพบทั้ง 3คนเรียนเชิญและนัดหมายด้วยตัวเองซึ่งถือเป็นกระบวนการภายในพรรค
เมื่อถามว่าจะได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นกับนายอภิสิทธิ์หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ปกติก็คุยกันอยู่แล้ว เพียงแต่การที่จะคุยในบางประเด็นก็ต้องมีการหารือขอความเห็นด้วย เพราะความคิดความอ่านของคนที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นความเห็นถือว่ามีคุณค่าสำหรับพรรคเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ
สำหรับข้อเสนอนายสาธิต ที่ต้องการเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกอย่างก็มีบางเรื่องที่ต้องเป็นไปตามมติพรรค บางเรื่องก็เป็นเรื่องของความสมัครใจได้ เช่นเรื่องการที่สมาชิกพรรคจะมาช่วยพรรครณรงค์หาเสียง อันนี้ก็เป็นเรื่องสมัครใจได้ ซึ่งก็เชื่อว่าอดีตหัวหน้าพรรคทุกท่านพร้อมที่จะเข้ามาช่วยพรรค สนับสนุนพรรค ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม แต่ในบางสถานภาพนั้นก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรค และต้องเป็นไปตามมติพรรค เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นมติพรรคก็ต้องเป็นไปตามนั้น
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณีข้อเสนอของนายสาธิต ที่ให้เชิญนายอภิสิทธิ์มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐนตรีด้วย เรื่องนี้ได้ผ่านที่ประชุมกรรมการบริหารมาแล้วนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็นผู้เสนอชื่อนายจุรินทร์เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงผู้เดียวมติกรรมการบริหารพรรคถือเป็นเอกฉันท์ เมื่อตัดสินแล้วก็ต้องเคารพมติส่วนเมื่อมีมติแล้วจะสามารถกลับมติหรือไม่ ต้องไปดูข้องบังคับพรรค แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค เมื่อได้ข้อยุติแบบบนี้ก็ต้องถือว่ามันได้ข้อยุติส่วนเป้าหมายพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง66ยืนยันว่ายังตั้งเป้าเหมือนเดิมคือจะต้องได้ส.ส. 70 ถึง 80 ที่นั่ง
เรื่องดังนี้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างเอกฉันท์เมื่อตัดสินแล้วก็ต้องเคารพมติ ส่วนเมื่อมีมติแล้วจะสามารถกลับมติหรือไม่ ต้องไปดูข้องบังคับพรรค แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค เมื่อได้ข้อยุติแบบบนี้ก็ต้องถือว่ามันได้ข้อยุติส่วนจะเป็นอย่างไรมันก็ต้องช่วยกันผมเชื่อว่าทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมใหญ่สามัญพรรคปชป. ประจำปี 2566 ว่ายังไม่ได้รับการเทียบเชิญจากนายจุรินทร์ให้มาช่วยหาเสียงเลือกตั้งและไม่ทราบว่าจะได้พูดคุยวันนี้หรือไม่ ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้ง66 เรื่องแบบนี้เขาไม่ตอบผ่านสื่อ คงต้องพูดคุยกับนายจุรินทร์เสียก่อน และได้ผลอย่างไรจะเรียนให้ทราบต่อไป ขอฟังหัวหน้าพรรคก่อนว่ามีแนวคิดอย่างไร คาดหวังอะไร กับการที่จะให้ตนไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องฟังเหตุฟังผลกันก่อน
เมื่อถามว่าส่วนตัวอยากลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า คงไม่ใช่เพราะเรื่องความอยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่าทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมมากที่สุด ด้วยวิธีใด อย่างไร การเป็นนักการเมือง พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันต้องพร้อมเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านทำหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเข้มแข็ง เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นกับส่วนร่วมเพราะฉะนั้นไม่มีเงื่อนไขว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
ถามอีกว่าสมาชิกพรรคอยากให้กลับมาหาเสียง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคก็ต้องสนับสนุนช่วยเหลือพรรคอยู่แล้วไม่ต้องมีเงื่อนไขว่าตนจะได้ลงหรือไม่ได้ลงสมัครส.ส.แต่รอบหน้าแข่งขันสูงมาก เห็นอยู่ว่าการแข่งขันสูงและเข้มข้นเพียงใด แต่การเลือกตั้งก็ต้องเหนื่อยทุกครั้ง ไม่มีครั้งใดที่ไม่เหนื่อย
ถามถึงจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้มากกว่าเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องประเมินจากข่าวสารที่ได้รับ แต่ว่าผู้บริหารจะเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ และดูว่าผู้บริหารก็มีความมั่นใจส่วนหลายคนวิเคราะห์ถ้ามีชื่อนายอภิสิทธิ์ลงสมัครเป็นส.ส. และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะสามารถดึงคะแนนเข้าพรรคได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "แล้วแต่จะวิเคราะห์"