posttoday

'เพื่อไทย'โยน8พรรคร่วมตัดสินใจเปลี่ยนแคนดิเดตโหวตนายกฯรอบ2

14 กรกฎาคม 2566

'หมอชลหน่าน' ย้ำเพื่อไทยเคารพก้าวไกลนำตั้งรัฐบาล หนุนพิธาเป็นนายกคนที่30 สุดความสามารถ บนโอกาสของบ้านเมืองและความพึงพอใจของประชาชน โยน8พรรคร่วมตัดสินใจเปลี่ยนตัวโหวตนายกฯรอบ2

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการหารือระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ในช่วงเย็นวันนี้ (14 ก.ค.) โดยไม่ยืนยันว่า จะได้ข้อสรุปการเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาในครั้งที่ 2 หรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อน เพราะหากไม่มีความเห็นร่วมกัน และนำเสนอรายชื่อเข้าไปในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ทันที อีกฝ่ายก็เตรียมเสนอชื่อแข่ง และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล อาจตกกับดัก และต้องยอมรับความพ่ายแพ้ นำเสียงของประชาชน 25 ล้านเสียงไปทำลาย ซึ่งเชื่อว่า ประชาชนจะรับไม่ได้ 

นายแพทย์ชลน่าน ยอมรับด้วยว่า มีความกังวลต่อกระแสข่าวที่การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 จะมีชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา เพราะหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง พลเอกประวิตร ก็มีโอกาสที่จะได้รับเสียงจากขั้วรัฐบาลเก่า 188 เสียง และสมาชิกวุฒิสภา 250 เสียง 

ส่วนพรรคเพื่อไทยยังจะสนับสนุนนายพิธาต่อหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ยังเคารพสิทธิของพรรคก้าวไกล ที่มีสถานะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่การจะสนับสนุนต่อหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ที่จะเป็นผู้เสนอในที่ประชุมระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล รวมถึง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อน พร้อมยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายพิธา จะได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา จากสภาวะทางการเมืองที่ไม่ปกติ 

นายแพทย์ชลน่าน ยังย้ำถึงโอกาสที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอเปลี่ยนตัวนายพิธา เป็นบุคคลอื่นเพื่อชิงนายกรัฐมนตรีว่า จะต้องอยู่ที่ข้อเสนอและการพูดคุยใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากพรรคก้าวไกล จะยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนนายพิธา ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคการเมืองอันดับ 1 และพรรคเพื่อไทยก็จะสนับสนุนสุดความสามารถ ซึ่งสุดความสามารถดังกล่าว ไม่มีคำนิยาม แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ความเสียหาย และโอกาสของประเทศชาติบ้านเมือง หากดำเนินการจนถึงที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกลพึงพอใจ และเห็นชอบภาพรวมทั้งหมด และไม่มีผลกระทบเกิดความเสียหาย หากสิ้นสุดได้ ก็ถือว่าเป็นนิยามของคำว่าถึงที่สุด แต่จะต้องไม่อยู่เหนือความพึงพอใจของประชาชน ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ประเทศชาติเสียหาย และหากวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ นายพิธายังไม่ได้รับเสียงความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก พรรคเพื่อไทย จะยังคงดำเนินการไปตามคำนิยามของคำว่าถึงที่สุด

ส่วนจำเป็นจะต้องมีการเตรียมชื่อนายกรัฐมนตรีสำรองไว้ ในกรณีที่ขั้วอำนาจเก่าเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแข่งในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ย้ำว่า อยู่ที่การหารือของ 8 พรรคร่วมฯ จนได้ข้อสรุป 

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงโอกาสที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะไปขอเสียงสนับสนุนจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเก่ามาสนับสนุนนายพิธา ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ทุกเหตุการณ์ และทุกข้อเท็จจริงจากการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) จะต้องนำไปสู่การพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยสามารถรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง ตั้งรัฐบาลให้ได้ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้อนำมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขต่อไป 

ส่วนขณะนี้ถึงเวลาของพรรคการเมืองลำดับที่ 2 จะมาทำหน้าที่นำจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือยังนั้น นายแพทย์ชลน่าน เชื่อว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น หากนายกรัฐมนตรีเป็นชื่ออื่นนอกเหนือนายพิธา และไม่ได้อยู่ในนาม 8 พรรคร่วมฯ ความคาดหวังของประชาชนก็จะถูกทำลายทันที 

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งไม่ลงมติให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นความชัดเจนที่พรรคก้าวไกลได้ประกาศเป็นนโยบายเมื่อการหาเสียงเลือกตั้ง และพรรคก้าวไกล ก็ยังคงรักษาจุดยืนดังกล่าว และพรรคเพื่อไทย ก็เคารพสิทธิเสรีภาพพรรคก้าวไกล ที่จะดำเนินการตามนโยบาย และไม่ขอก้าวล่วงให้พรรคก้าวไกลลดเพดาน  

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการกลุ่มก้าวหน้า ที่แนะนำให้พรรคก้าวไกลไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า ถือเป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมาก เลือกมาให้เป็นรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน 

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล หรือพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นเพียงความเห็นของ ส.ว.บางคน พร้อมมั่นใจว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี จะไม่ถึงทางตัน เพราะประเทศชาติต้องมีนายกรัฐมนตรี และมีรัฐบาล ประชาชนต้องมีโอกาส และเชื่อว่า ทุกฝ่ายจะไม่ปิดโอกาสให้ประเทศชาติ และประชาชน 

ส่วนมองฉันทามติจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องการให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ หรือต้องการให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไร  นายแพทย์ชลน่าน เห็นว่า นายพิธา เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอันดับที่ 1 ที่สามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้ 312 เสียง ซึ่งในเชิงสัญลักษณ์ก็ถือว่า ประชาชน 14 ล้านเสียงให้การสนับสนุน แต่อีก 27 ล้านเสียง เมื่อสามารถรวมเสียงได้ ประชาชนที่ลงคะแนนให้ ก็เสมือนยอมรับว่า ประชาชนเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน  

นายแพทย์ชลน่าน ยังขอประณามสื่อมวลชนที่ไร้จรรยาบรรณ และไร้ความเป็นมนุษย์ หลังจากที่ตนเองได้ไปออกรายการของสื่อมวลชนสำนักหนึ่ง แต่กลับถูกสื่อมวลชนแห่งหนึ่ง กลับรายงานข่าวสร้างความแตกแยก กล่าวหาว่า ตนเองไม่พอใจที่ไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ได้ และจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแข่งพรรคก้าวไกล ทั้งที่ในสถานการณ์ในขณะนี้ จะต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อแสวงหาความร่วมมือ