posttoday

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling

24 พฤศจิกายน 2567

เทคนิคการสร้างทีมให้เติบโตของ Startup โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling – แนวคิดจาก "Scaling Up Excellence" ของ Huggy Rao

          เมื่อองค์กรเติบโต การจัดการให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายเป็นสิ่งที่ท้าทาย Huggy Rao ผู้เชี่ยวชาญจาก Stanford Graduate School of Business ได้นำเสนอแนวทางในการสร้างความเป็นเลิศภายในองค์กรผ่านหนังสือ ‘SCALING UP EXCELLENCE’ ที่เป็นแนวทางสำคัญสำหรับผู้นำธุรกิจที่ต้องการขยายองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาคุณภาพของทีมให้ดีเช่นเดิม

          บทความนี้ พิ้งค์จะขอแบ่งปันกลยุทธ์สำคัญ เช่น การใช้ปัญญารวมของทีม การสร้างความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน และการลดอุปสรรคในการทำงาน ซึ่งเหมาะสำหรับ HR และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาองค์กรให้เติบโตโดยยังคงรักษาวัฒนธรรมและประสิทธิภาพให้ยั่งยืน

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling ที่มารูปจากเว็บไซต์ www.justingammon.com 

1. Brainstorm อย่างไรถึงจะเวิร์ก

          การขยายองค์กรคือการดึงพลังความรู้ของทุกคนในทีมมาใช้ร่วมกัน ซึ่งหมายถึงการเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสำคัญอย่างการเลื่อนตำแหน่ง Huggy Rao เน้นให้ใช้ประสบการณ์และมุมมองที่หลากหลายของสมาชิกในทีมเพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคัดเลือกและตัดสินใจ

          อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญในเรื่องนี้คือ “Common Knowledge Effect” และ “Hidden Profiles” ซึ่งมักทำให้ทีมพิจารณาจากข้อมูลที่ทุกคนรู้อยู่แล้วและมองข้ามข้อมูลเฉพาะที่บางคนเท่านั้นที่รู้

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling Huggy Rao (ที่มารูปจากเว็บไซต์ www.huggyrao.com

ตัวอย่าง การคัดเลือกพนักงานสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง

          ในการเลือกพนักงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง บางครั้งเราอาจเจอสถานการณ์ที่มีผู้สมัครที่โดดเด่นสองคน ซึ่งทั้งสองมีคุณสมบัติที่ดีใกล้เคียงกัน ผู้สมัครคนแรกอาจได้รับความสนใจจากกรรมการหลายท่าน เพราะทุกคนเห็นผลงานหรือรู้จักความสามารถของเขาดี ในขณะที่ผู้สมัครคนที่สอง ซึ่งอาจจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและตรงความต้องการมากกว่า แต่กลับถูกมองข้ามเพราะมีกรรมการเพียงไม่กี่ท่านที่รู้จักหรือทราบถึงศักยภาพของเขา

          ในกรณีนี้ ผู้สมัครคนแรกมีข้อได้เปรียบจากจำนวนกรรมการที่รู้จักผลงาน ทำให้ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าเพราะมี "คะแนนเสียง" ในทางกลับกัน หากเรามองที่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เราอาจพบว่าผู้สมัครคนที่สองมีคุณสมบัติตรงจุดและอาจจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าในตำแหน่งที่ได้รับการพิจารณา แต่มักถูกมองข้ามเพราะข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของเขายังไม่เป็นที่รับรู้ทั่วกันในทีม

          การตัดสินใจโดยอิงจากข้อเท็จจริงที่เป็นที่รู้ทั่วกันนั้นจึงต้องระวัง โดยเฉพาะในงานด้านทรัพยากรบุคคล (HR) เนื่องจากการขาดข้อมูลที่ครบถ้วนและหลากหลายจากทุกฝ่ายอาจทำให้การตัดสินใจเลือกพนักงานเลื่อนตำแหน่งพลาดเป้าหมายไปได้ Huggy Rao แนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การหยุดและทบทวนข้อมูลทั้งหมดก่อนตัดสินใจ รวมถึงการใช้ paired comparisons โดยการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนในจุดแข็งต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ครอบคลุมมากขึ้น

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling

2. การสร้างความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน (Scaling Felt Accountability)

          อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการขยายองค์กรคือการรักษาความรู้สึกรับผิดชอบของพนักงานให้เท่าเดิม Rao กล่าวว่าเมื่อองค์กรขยายตัว การดูแลพนักงานทุกคนอย่างละเอียดจะเป็นไปได้ยาก การสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองจึงสำคัญ ตัวอย่างปัญหาคือ “Felt Anonymity” หรือการที่พนักงานรู้สึกห่างเหินจากองค์กร และ “Time Poverty” หรือการทำงานหนักเกินไปจนทำให้ไม่มีเวลาในการรับผิดชอบมากพอ

          ยกตัวอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน (Felt Accountability) โดยยกกรณีของบริษัท Intuit ที่ให้พนักงานคิดเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและผลงานที่ออกมา โดยไม่ต้องมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการทำงานที่มีคุณภาพและผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling

          อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Amazon ที่มีนโยบาย "single-threaded leader" หรือการมอบหมายให้หัวหน้าทีมแต่ละคนดูแลโครงการอย่างเจาะจง โดยหัวหน้าจะต้องรับผิดชอบในทุกๆ ด้านของโครงการนั้น ทำให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยให้โครงการสามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

3. อุปสรรคจาก Common Knowledge Effect และ Hidden Profiles

          Rao อธิบายว่าการที่ทีมมุ่งเน้นแต่สิ่งที่ทุกคนรู้กันนั้นทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่องค์กรเติบโต และการตัดสินใจต้องการข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น การแก้ปัญหาเหล่านี้คือการใช้วิธีการแบบ premortems ซึ่งให้ทีมวิเคราะห์โอกาสในการประสบความสำเร็จและความล้มเหลวก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ

ตัวอย่าง สมมุติกระบวนการเลือก CFO

          ในขั้นตอนการเลือก CFO ใหม่ ทีมสามารถวางแผนโดยขอให้สมาชิกทีมเขียนบทวิเคราะห์สองสถานการณ์ ได้แก่
สถานการณ์ที่ CFO จะประสบความสำเร็จภายใน 6 เดือนแรก ทีมจะอธิบายถึงปัจจัยและเงื่อนไขที่ช่วยให้ CFO สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จ เช่น การได้รับการสนับสนุนจากทีม ผู้บริหารที่เข้าใจบทบาท CFO อย่างดี และการมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์และการตัดสินใจทางการเงิน

          สถานการณ์ที่ CFO จะล้มเหลวภายใน 6 เดือนแรก ทีมจะคาดการณ์ถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น เช่น การขาดการสนับสนุนจากทีมบริหาร การเผชิญกับข้อจำกัดในทรัพยากร หรือการมีความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร

          การมองทั้งสองสถานการณ์นี้จะทำให้ทีมเห็นภาพรวมและรู้ว่าจะต้องสนับสนุน CFO อย่างไรเพื่อเพิ่มโอกาสให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling

4. การลดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน (Scaling by Subtracting Bad Friction) “Bad Friction”

          เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานของพนักงาน เช่น ระบบเอกสารที่ซับซ้อนหรือการประชุมที่ไม่จำเป็น การขยายองค์กรควรมุ่งเน้นที่การขจัดอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น แคมเปญ “Getting Rid of Stupid Stuff” ของ Dr. Melinda Ashton ซึ่งเธอขอให้ทีมงานแชร์ปัญหา หรือสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงานคนละหนึ่งเรื่องในทุกการประชุมประจำสัปดาห์

          ผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากแนวคิดนี้คือ แม้กระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยยังมีส่วนช่วยพัฒนากระบวนการทำงาน โดยเสนอให้ลดขั้นตอนการเข้า-ออกออฟฟิศในตอนเช้า ซึ่งช่วยลดเวลาการต่อแถวลงจาก 15 นาทีเหลือไม่ถึง 1 นาที การสนับสนุนให้พนักงานทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดความเครียดจากงานที่ไม่จำเป็น

5. วิธีการที่มีประสิทธิภาพในการประชุม

          มีวิธีการหลายอย่างที่ช่วยให้ข้อมูลเฉพาะจากสมาชิกทีมทุกคนได้รับการรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการตัดสินใจที่สำคัญ เช่น

•    การทำ Poll ก่อนการประชุม ไม่ควรเริ่มประชุมด้วยการโหวตเบื้องต้น หรือ "straw poll" เพราะจะทำให้ทีมยึดติดกับความเห็นของเสียงข้างมากมากเกินไป และอาจทำให้สมาชิกไม่กล้าแชร์มุมมองเฉพาะของตัวเอง

•    Premortem Exercises เป็นการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่งานจะล้มเหลวก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ โดยให้สมาชิกทีมคิดถึงสิ่งที่อาจผิดพลาดหรือต้องปรับปรุงก่อนลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งจะช่วยให้ทีมเปิดเผยข้อมูลสำคัญจากทุกคนและคิดวิเคราะห์ในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น

•    Paired Comparisons การเปรียบเทียบผู้สมัครหรือทางเลือกต่างๆ โดยอิงจากคุณสมบัติที่เจาะจง ช่วยให้การประเมินเห็นถึงจุดเด่นและจุดด้อยที่ลึกซึ้งขึ้น ช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่พลาดข้อมูลสำคัญ

6. การขยายมุมมอง ไม่ใช่แค่ขนาด (Scaling Mindset, Not Just Footprint)

          การเติบโตขององค์กรไม่ควรเป็นแค่การขยายขนาดหรือจำนวนพนักงานเท่านั้น แต่ต้องทำให้วัฒนธรรมองค์กรเติบโตไปด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือหลักการ Prime Directive ของ Devoted Health ที่กำหนดว่า "ก่อนตัดสินใจเรื่องของผู้ป่วย ให้คิดว่าผู้ป่วยคือพ่อแม่ของคุณเอง" แนวทางนี้ทำให้พนักงานทุกคนให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานการทำงานไม่ว่าจะองค์กรจะขยายตัวไปมากแค่ไหน ซึ่งช่วยให้ค่านิยมหลักยังคงอยู่และถูกถ่ายทอดสู่สมาชิกใหม่อย่างต่อเนื่อง

เปิดเทคนิคสร้างทีม Startup ให้เติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Scaling

7. ภาวะผู้นำในการขยายองค์กร (Leadership in Scaling)

          ผู้นำขององค์กรที่กำลังเติบโตต้องทำหน้าที่เป็น "บรรณาธิการ" (Editor in Chief) ที่คอยตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานของทีม ผู้นำต้องมีความสมดุลระหว่าง "Logistics" (การทำให้องค์กรทำงานได้อย่างราบรื่น) และ "Love" (การดูแลเอาใจใส่ต่อพนักงานและลูกค้า) การดูแลทั้งสองด้านนี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับองค์กร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและความสำเร็จในระยะยาว

8. การลดภาระเพื่อส่งเสริมการทำงานที่ดี (Subtracting Load to Energize Behavior)

          ในการขยายองค์กร ควรลดภาระทางจิตใจ (cognitive load) ของพนักงาน เนื่องจากการที่พนักงานต้องรับภาระงานมากเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง องค์กรจึงควรลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน เช่น การลดเอกสารที่ไม่จำเป็นหรือการออกแบบขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบ ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          แนวทางของ Huggy Rao ในการขยายองค์กรเน้นการรักษาคุณภาพด้วยการสร้างความสามารถโดยรวมของทีม การจัดการปัญหาต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกัน หากองค์กรให้ความสำคัญกับหลักการเหล่านี้ ก็จะสามารถขยายตัวได้อย่างประสบความสำเร็จและยังคงรักษาคุณค่าที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ 
 
          Huggy Rao เป็นศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ที่ Stanford Graduate School of Business โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงและการขยายองค์กร เขามีผลงานวิจัยสำคัญเกี่ยวกับการสร้างความเป็นเลิศและการขยายธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมถึงแนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมและการจัดการความขัดแย้งในองค์กร ราวยังเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ Scaling Excellence ซึ่งได้รับการยอมรับในวงการธุรกิจว่าเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการสร้างและรักษาคุณภาพในองค์กรที่กำลังเติบโต งานวิจัยของเขาช่วยให้ผู้นำองค์กรสามารถสร้างวัฒนธรรมที่เน้นคุณภาพและความรับผิดชอบในทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ