posttoday

กางไทม์ไลน์ สู่รธน.ฉบับ21 หลังครม.ตั้งคณะกรรมการทำประชามติ

03 ตุลาคม 2566

กางไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังครม.เศรษฐา มีมติแต่งตั้ง ภูมิธรรม เวชชยชัย นั่งประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ ลุ้นได้รธน.ฉบับ21 ต้นปี2569 ในอายุรัฐบาลนี้ ก่อนประกาศยุบสภาจัดเลือกตั้งใหม่

กรณี คณะรัฐมนตรี มีมติ3ตุลาคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย องนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และรองประธาน2คน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ และมีนายนิกร จำนง ทำหน้าที่เป็นโฆษกคณะกรรมการและกรรมการโดยตำแหน่ง พร้อมกรรมการอื่นๆรวม 35คน  

นายภูมิธรรม ประธานกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ระบุว่า หลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่แตะต้องหมวด 1-2 และพระราชอำนาจ นอกจากนั้นจะทำให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นตั้งใจว่าจะให้เสร็จภายในเวลา4ปีที่เป็นรัฐบาลและต้องทำกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จด้วยเพื่อให้ทันต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยคณะกรรมการฯจะประชุมนัดแรกวันที่ 10 ต.ค. เวลา 15.00น. และคาดว่าการทำประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกในปี 2567 

ดังนั้นเมื่อถอดคำให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม นับวันที่10ต.ค.2566 เป็นต้นไปไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญจะเป็นดังนี้

ธ.ค.66-ม.ค.67 ทำประชามติ (ตาม กม.ประชามติ ต้องทำภายใน 90-120 วัน)

ม.ค.-ก.พ.67 ประชามติผ่าน รัฐสภาเดินหน้าพิจารณาแก้ รธน.256 เพิ่มหมวดใหม่

ก.พ.-พ.ค.67 ตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทางได้มา ส.ส.ร. ยื้อเวลารอให้ 250 สว. หมดวาระ

ก.ค.67 ได้ สว.ชุดใหม่ เริ่มกระบวนการวาระแรก

ก.ค.-ส.ค.67 กมธ.พิจารณาส่งกลับรัฐสภาพิจารณา โหวตวาระสาม

ต.ค.-พ.ย.67 กระบวนการทำประชามติ

ก.พ.68 กระบวนการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.  

มี.ค. -พ.ย.68 เข้าสู่กระบวนการยกร่าง รธน.ใหม่ โดยส.ส.ร.

ธ.ค.68-ก.พ.69 ทำประชามติ หากผ่านประกาศใช้ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม สำทับว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่สำคัญในการตีโจทย์ 3 ประเด็น คือ

1.กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรเป็นอย่างไร ตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้

2.ต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณและต้องประหยัดเวลา เพราะประชามติทำได้2ครั้งแต่ละครั้งอาจใช้เวลา 4 เดือนต้องใช้งบประมาณ 7-8 พันล้าน

3.คือเรื่องเกี่ยวกับคำถามในประชามติครั้งแรก ซึ่งภายในกรอบเวลา4 ปีแล้ว สำคัญที่สุดคือต้องทำให้การประชามติให้ผ่านเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง