'สุทิน'อ้างตัดงบเรือฟริเกตกลัว'ก้าวไกล'ด่าปีหน้าไฟเขียว2ลำอย่าบ่นอีก
ศึกซักฟอกรัฐบาล : สุทินตอบวิโรจน์ปมตัดงบเรือฟริเกตกลัวก้าวไกลด่าแจงขอกองทัพซื้ออาวุธไม่ได้หน่อมแน๊มแต่เป็นข้อสั่งการแบบนุ่มนวล
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงการตัดลดงบประมาณเรือฟริเกตของกรรมาธิการงบประมาณ ที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงโดยยอมรับว่า ในการตั้งงบอาวุธจัดซื้อเรือฟริเกตรัฐบาลหนักใจที่สุด เพราะกลัวพรรคก้าวไกล ที่ด่ามาทุกปีจึงตัดงบประมาณและในปีต่อไปจะมียุทธศาสตร์การจัดซื้อ ไม่ให้ซ้ำซ้อน และไม่ให้เงินค้างท่อ แต่กลายเป็นว่า รัฐบาลแทงม้าผิดตัว หลงมุม เพราะพรรคก้าวไกล กลับสนับสนุน ดังนั้น หากพรรคก้าวไกลสับขาหลอกได้ ตนเองก็สับขาหลอกเป็นเช่นกัน ในปีหน้าหากรัฐบาล ให้งบประมาณแก่กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกต ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่น หรือตำหนิรัฐบาลอีก พร้อมขอให้ฝ่ายค้าน จำคำของตนเองไว้ให้ดี ที่เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต หรือหากรัฐบาลอนุมัติให้ 2 ลำ ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่นอีก และหากซื้ออาวุธอย่างอื่นอีก ก็ขออย่ามาด่ากัน
นายสุทินยืนยันด้วยว่า การสั่งการของตนที่มีการ“ขอ”ไม่ได้ขอแบบหน่อมแน๊มแต่เพราะคนก้าวร้าวจะไม่เคยเห็นคุณค่าขอความนุ่มนวล เพราะคำว่าขอของตนเอง นั่นคือการสั่งการและชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่กองทัพ
นายสุทิน ยังยอมรับถึงปัญหาภายในกองทัพว่า มีปัญหาในโครงสร้าง และไม่ปฏิเสธว่า นโยบายกองทัพของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการคิดใหม่ แต่เป็นการทำต่อจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะเมื่อตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ก็ได้พบว่า กองทัพก็มีการปฏิรูปกองทัพตัวเองเช่นเดียวกันจึงใช้ไม้อ่อนให้คนในได้ปฏิรูปกันเอง เพราะการปฏิรูป กับการปฏิวัติต่างกัน เพราะถ้าปฏิวัติ คือ ฉับพลันทันด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ปฏิรูป คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ซึ่งถ้าตนเป็นเด็ก มีอายุเท่านายวิโรจน์ก็จะใช้วิธีการปฏิวัติ แต่เมื่อผ่านมาหลายเรื่อง ตนจึงคิดว่า การร่วมคิด ร่วมทำดีที่สุด และได้ตั้งคณะทำงาน 10 ชุดมาแก้ปัญหาในกองทัพ เช่น การเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ
นายสุทิน ยังกล่าวถึงการอภิปรายของนายวิโรจน์ว่า ไปโฆษณาจะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว แต่พอเอาเข้าจริง กลับเป็นเรื่องเก่า เรื่องเดิม ที่เคยพูด และตนเคยตอบไปแล้ว และ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่นายวิโรจน์ กลับอภิปรายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้