ทวี ขออีก 1เก้าอี้รัฐมนตรีให้ประชาชาติ ปัดตอบ ข้อเสนอใหม่แลกกับ ประธานสภาฯ

ที่โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชาติจัดประชุมใหญ่สามัญ โดยมีหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค สส. สมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง โดยพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวก่อนการประชุมใหญ่ว่า เป็นการประชุมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อพิจารณางบการเงินต่างๆ และแจ้งให้สมาชิกพรรคทราบถึงการดำเนินการของพรรคประชาชาติ พร้อมชี้แจงทิศทางการทำงานของสส. และพรรคประชาชาติ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมาแล้ว 6 ปี ให้ความสำคัญกับการทำงานรับใช้ประชาชนไม่ได้ทำงานเพื่อรับใช้รัฐบาล การประชุมในวันนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรค

พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า พรรคประชาชาติ มีเป้าหมายให้พรรคใหญ่ขึ้น มีอัตลักษณ์ จะเป็นสถาบันของประชาชน เป็นพรรคการเมืองเป็นของคนทั้งประเทศให้ได้ แต่พรรคก็จะต้องพิจารณาขีดจำกัดของพรรค อาจจะต้องรักษาฐาน 3 จังหวัดชายแดนให้ดีขึ้น ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชาติมี สส.เขต 7 คน การเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรจะได้ 13 คน เพราะครั้งนี้ พรรคประชาชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว สามารถช่วยกันผลักดันพื้นที่ภาคใต้ได้ เชื่อว่า ประชาชนต้องการใหมีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิต พร้อมยังเห็นว่า มีปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไข 3 เรื่องคือ การปัญหายาเสพติด การขจัดผู้มีอิทธิพล และการต่อสู้กับความยากจน

พันตำรวจเอกทวี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม.ว่า เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติ แต่พรรคได้มีการพูดคุยกัน พรรคได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่พรรคประชาชาติ อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ 
 

ถามว่าหากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พันตำรวจเอกทวี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ยืนยันว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น เพราะจะต้องเป็นไปตามโควตา พรรคประชาชาติ ต้องรักษามารยาท มีสส. 9 คน และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่กว่าพรรคประชาชาติ มีสส. 10 คน 

พันตำรวจเอกทวี ยังชี้แจงย้ำถึงกระแสข่าวการทวงคืนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชาติ กลับไปพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวไม่เคยได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เพราะตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เกิดจากการเลือกของ สส.จำนวน 500 คนในสภาฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะต้องเป็นกลางทางการเมือง ใครก็ตามที่เป็นประธาน จะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่เคยได้ยิน